ข่าว

บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลางจำนวนมาก

บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง เมื่อเวลา10.00น. วันที่17 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)พล.ต.ท.ชินภัทร สารสินผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เลขาธิการ กอ.รมน. พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน3 คดี

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน3ราย ประกอบด้วยนายรชฏ ปริญาภัสร์ อายุ 51 ปี ที่อยู่181/41 ม.6 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ 2. นายสะอุดี กลาแต อายุ 28 ปี ที่อยู่ 266 ม.4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะอ.บันนังสตา จว.ยะลา 3. นายวสันต์ จันทรุพันธ์ อายุ 41 ปี ที่อยู่ 61 ม.2 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จว.ยะลา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนประมาณ 400,000 เม็ด

รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 3 คันโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวบริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาสิงห์บุรี ต.บางงา อ.ท่าวุ้ง จว.ลพบุรี บริเวณริมถนนสายหาดใหญ่-ปัตตานี (ทางหลวงหมายเลข 43) เลยปั้มน้ำมัน ปตท. หจก.นาหม่อม ปิโตรเลียม ประมาณ 200 เมตร ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จว.สงขลาบริเวณโรงแรมม่านฟ้า รีสอร์ท หมู่ 4 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จว.สงขลา โดยต่อเนื่องกัน

พล.ต.ท.ชินภัทรกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติด พบว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาพักไว้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนไปส่งมอบให้กับผู้รับในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะใช้เส้นทาง จว.เชียงใหม่-จว.ลำปาง-จว.ตาก-จว.กำแพงเพชร-จว.นครสวรรค์ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนสกัดกั้นจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว จนกระทั่ง วันที่ 10 ม.ค. เวลาประมาณ 11.30 น. สามารถจับนายรชฏ ได้ที่บริเวณ ลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร สาขาสิงห์บุรี ต.บางงาอ.ท่าวุ้ง จว.ลพบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวนประมาณ 400,000 เม็ด ก่อนจะขยายผลจับกุมนายสะอุดีได้ที่บริเวณริมถนนสายหาดใหญ่-ปัตตานี (ทางหลวงหมายเลข 43) เลยปั๊มน้ำมัน ปตท. หจก. นาหม่อมปิโตรเลี่ยม ประมาณ 200 เมตร ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จว.สงขลา ของวันที่ 11 ม.ค. เวลา 04.00 น. และสามารถจับกุมนายวสันต์ ได้ที่ บริเวณโรงแรมม่านฟ้ารีสอร์ท ม.4 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จว.สงขลา ของวันที่11ม.ค. เวลา04.20น

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวต่อว่านอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมที่บ้านพักในจว.เชียงใหม่สามารถตรวจยึด 1. วัสดุคล้ายทองคำแท่ง จำนวนประมาณ 95 บาท มูลค่าประมาณ 1,900,000 บาท 2. วัสดุคล้ายทองรูปพรรณ จำนวนประมาณ 7 บาท มูลค่าประมาณ 140,000 บาท 3. รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด 4 ประตู จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท 4. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 30,000 บาท 5.โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 2 ฉบับ มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดมูลค่าประมาณ5,070,000 บาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”นำตัว พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนจะทำการสอบสวนเพื่อขยายผลออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตราการฯ ต่อไป

คดีที่สองเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน2 ราย คือ นายตาแกะ วิบูลย์พันธ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 ม.10 ต.ศรีมหาโพธิ์อ.ศรีมหาโพธิ์ จว.ปราจีนบุรี นายรักษ์ หรือแฉก คิมหันต์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ม.1 ต.คีรีเขต อ.ธารโต จว.ยะลา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณทิวสนรีสอร์ท ห้อง 203 เลขที่ 440 ซ.ลุงดำ ม.1 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ จว.กระบี่

 

 

บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่าสำหรับคดีที่2จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่า นายตาแกะ (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลังการจับกุม) มีพฤติการณ์เป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จว.สงขลา โดยรับยาเสพติดมาจากภาคเหนือเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ทางภาคใต้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเฝ้าสืบสวนสะกดรอยติดตาม กระทั่งทราบว่านายตาแกะ จะทำการส่งมอบยาบ้าให้กับลูกค้า จำนวน 50 มัด (100,000 เม็ด) โดยตกลงนัดดูของและส่งมอบเงินในช่วงเช้าของวันที่ 11 ม.ค. ที่ทิวสนรีสอร์ท อ.เมือง จว.กระบี่ เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเดินทางไปแสดงตัวเข้าทำการ ตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาบ้า 50 มัด บรรจุไว้ในกระเป๋าสะพาย วางอยู่ภายในห้อง 203 ของรีสอร์ทดังกล่าว โดยมีผู้ต้องหาทั้ง2คนอยู่ภายในห้องพัก จึงทำการจับกุมตัวก่อนแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต" นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่สามเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาจับนวน2ราย คือนายศราวุธ ทองธิราช อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/3 ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จว.สกลนคร

และนายบำรุง จันทรังษี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 หมู่ 5 ต.หนองแวงใต้ อ.วานรนิวาส จว.สกลนคร พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน 1,100 แท่ง น้ำหนักประมาณ 1,100 กก. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า และ โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านหนองไส ถนนเส้นเลี่ยงเมืองอุดรธานีต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี 

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่าจากการติดตามสืบสวนพบว่า จะมีกลุ่มนักค้ากัญชาลักลอบขนกัญชาจากพื้นที่ชายแดนด้านอ.โพนพิสัย จว.หนองคาย ส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเฝ้าสังเกตการณ์การ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ม.ค.เวลาประมาณ 04.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านหนองไส ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี 

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวต่อว่านอกจากนี้. เจ้าหน้าที่ยังทำการยึดทรัยพ์สินเป็นเงินสด จำนวน 17,000 บาท รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซฟิโร่ สมุดเงินฝาก จำนวน 1 เล่ม และบัตรกดเงินสด จำนวน 4 ใบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา"ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” นำตัว พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนจะทำการสอบสวนเพื่อขยายผลออกหมายจับบุคคล ในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตราการฯ ต่อไป

 

 

 

บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง บช.ปส. แถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 คดีและของกลาง พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของกัญชานั้นยังเป็นสิ่งเสพติดที่ผิดกฎหมาย หากนำไปใช้ในทางการแพทย์จะต้องมีการแสดงเอกสารหรือหลักฐานที่แสดงอาการเจ็บป่วยจากผู้ประกอบวิชาชีพ และแจ้งกับทางเจ้าหน้าพนักงานซึ่งในส่วนของการจับกุมนั้นผู้ต้องหาไม่ได้มีการอ้างว่าจะนำไปใช้ในการทางแพทย์ และไม่สามารถที่จะนำมาเป็นข้ออ้างได้เนื่องจากมีปริมาณที่มากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ภายในประเทศไทยไม่มีการปลูกต้นกัญชาแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ต้องหาจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนนำมาจำหน่ายให้กับลค.ในพื้นที่ต่างๆ

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว. นิศานาถ  สมัครไทย  ทีมข่าวเฉพาะกิจคมชัดลึก 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ