ชาวฟิลิปปินส์และภรรยาชาวไทย หนีตายจากเหตุรถตู้ไหม้วอดทั้งคัน
เมื่อเวลา 19.40 น.วันที่ 27 พ.ย 2562 ร.ต.อ.สมพงษ์ กุลไกรจักร รอง สว.(สอบสวน)สน.บุคคโล ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถตู้โดยสาร ที่เกิดเหตุบริเวณ ซอยรัชดา ท่าพระซอยที่ 8 ถนนรัชดา แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ จึงรีบประสานรถดับเพลิงเขตธนบุรีและเจ้าหน้าที่อาสาบรรเทาสาธารณภัย แล้วรุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและดับเพลิงเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่กลางถนน เป็นรถยนตร์ตู้ ยี่ห้อtoyota รุ่น century หมายเลขทะเบียน ฮม 9901 กรุงเทพฯ เพลิงลุกลามจากหลังคาท้ายรถ จนวอดทั้งคัน เจ้าหน้าที่ใช้น้ำทำการดับ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพลิงจึงสงบ จาการตรวจสอบพบว่าเสียหายหมดทั้งคัน
จากการสอบถามนายวิทยา สวัสดี อายุ 32 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งขับรถตามรถตู้คันที่เกิดเหตุดังกล่าวได้ความว่า”ตนสังเกตบนหลังคารถตู้มีประกายไฟเกิดขึ้นและมีแสงเพลิงลุกลามจากด้านท้ายรถ จึงได้จอดรถให้การช่วยเหลือสองสามีภรรยาชาวฟิลิปปินส์ออกจากรถต่อจากนั้นได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมกับวิ่งหาถังน้ำยาเคมีบ้านใกล้เคียงเพื่อมาทำการดับเบื้องต้นแต่ปรากฏว่าไม่มีถังน้ำยาเคมีจึงได้รีบแจ้ง 191 เพื่อช่วยประสานรถดับเพลิงมาทำการดับเพลิงรถคันดังกล่าวระหว่างที่รอรถดับเพลิงเพลิงได้โหมลุกไหม้ไปครึ่งคันแล้วกว่ารถดับเพลิงจะมาถึงเมื่อรถดับเพลิงมาถึงจึงเร่งทำการใช้น้ำจำนวน 2 หัวฉีดเพื่อสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลามและสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้”
ทางด้านคนขับรถตู้ คือ Mr.Nono Jireh John (มิสเตอร์จีเล่ห์ จอนโนโน) กล่าวว่าต้นและภรรยาชาวไทยเพิ่งไปรับอาหารอาหารที่เดอะมอลล์ท่าพระหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วกำลังจะเดินทางกลับบ้านย่านตลาดพลูซึ่งภรรยาสังเกตได้กลิ่นไหม้จึงมองจากด้านหลังรถมองเห็นกลุ่มควันอยู่ด้านบนหลังคารถตนจึงจอดรถชิดซ้ายจังหวะนั้นมีคนเข้ามาบอกให้ตนและภรรยาลงจากรถต้นจึงไปหาขอยืมถังดับเพลิงมาดับระหว่างหาถังดับเพลิงเพลิงได้ลุกไหม้รถประมาณครึ่งคันไปแล้วจึงไม่สามารถทำอะไรได้ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของตน กับภรรยาชาวไทยซึ่งประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว(ไม่ขอเปิดเผย)โดยรถคันนี้ได้ติดตั้งระบบ 2 ระบบคือแก๊สกับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเบนซิน ซึ่งรถคันนี้มีประกันภัยประเภทที่ 1 ของบริษัทคุ้มภัย
เบื้องต้นทางด้านพนักงานสอบสวน สน.บุคคโลเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่นำรถยกไปไว้ที่ สน.บุคคโล เพื่อนรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ภาพ/ข่าว. นิศานาถ สมัครไทย ทีมข่าวเฉพาะกิจคมชัดลึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง