รวบ โบ๊ท สายหยุด ตระเวนกระชากกระเป๋าย่านประตูน้ำ

 

                 เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้(16 พ.ย. 2562) ที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท พันตำรวจเอก เจษฎา คุ้มศาสตรา ผู้กำกับการตำรวจนครบาลพญาไท สั่งการให้ พันตำรวจโท วชิรากรณ์ วงศ์บุญ รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลพญาไท พันตำรวจตรี ทัศไนย อนันทิโย สารวัตรสืบสวนตำรวจนครบาลพญาไท นำกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน จับกุมตัวนายไกรวิทย์ สุขจิตร์ หรือฉายา โบ๊ท สายหยุด อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตระเวนกระชากกระเป๋าตามท้องถนน พร้อมของกลางอาวธุปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน ขนาด .38 จำนวน 2 นัดและกระเป๋าแบบสะพายสีดำ จำนวน 1 ใบ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าห้องหมายเลข 411 ชั้น 4 อพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งในซอยรัชดา 36 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (อ่านข่าว คนร้ายกระชากกระเป๋าเหยื่อสาวสูงวัย รถล้มบาดเจ็บ2คน)

 

 

 

 

 

                 สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจนครบาลพญาไท เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม สวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบสีขาว ขับขี่รถจักรยานยนต์ออโตเมติกแบบผู้หญิง ตระเวนกระชากกระเป๋าผู้หญิงแบบสะพายข้างตามริมถนน และขณะโดยสารบนรถสามล้อตุ๊กตุ๊ก ในย่านเศรษฐกิจอย่างประตูน้ำ ถนนเพชรบุรี ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน (อ่านข่าว กระชากกระเป๋าสาวที่แท้พี่น้องกันเอาเงินไปใช้หนี้กุเรื่อง)

 

 

 

 

                 จากนั้นทางตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามเส้นทางการหลบหนี ประกอบกับรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน กระทั่งสืบสวนทราบว่าคนร้ายคือ นายไกรวิทย์ หรือฉายา "โบ๊ท สายหยุด" จนพบเบาะแสว่าได้หลบหนีไปกบดานที่ห้องพักดังกล่าว ทางพันตำรวจโท วชิรากรณ์ จึงได้วางแผน สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่กดดัน กระทั่งสามารถควบคุมตัวและของกลาง ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจพญาไท

 

 

 

 

                 สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ได้ตระเวนก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้เสียหายบนรถสาธารณะที่เป็นผู้หญิง เนื่องจากจะไม่ขัดขืนและไม่ทำร้ายกัน โดยเพิ่งทำลักษณะนี้ได้เพียง 4 เดือน ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท 4 ครั้ง สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน 2 ครั้ง และพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง 1 ครั้ง ซึ่งเงินที่ได้จะไปเล่นพนันออนไลน์ อีกทั้งต้องจ่ายค่าทำคลอดลูกในหลักหมื่น ส่งผลให้เจ้าตัวคิดสั้นลงมือไปเรื่อยๆ

 

 

 

 

                 อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม,ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืน ไปในเมือง, หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป