คดี บิลลี่ คืบหน้าเกิน 70% รอผลตรวจดีเอ็นเอกระดูก 8 ชิ้น

           กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)-26 ก.ย.2562-ดีเอสไอเผยคดี "บิลลี่" คืบหน้าเกิน 70% อีก 2 สัปดาห์รู้ผลตรวจดีเอ็นเอ กระดูก 8 ชิ้น สั่งชุดสอบสวนสืบค้นคดีฆ่าคนตายในท้องที่เพชรบุรี พิสูจน์แรงจูงใจ บ่งชี้กลุ่มผู้ต้องสงสัย มีพฤติการณ์เป็นซุ้มมือปืน เชื่อมโยงฆาตกรรม "บิลลี่"

           พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยว่า การประชุมวันนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวนแต่ละชุดลงพื้นที่สอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ชุดสืบสวนยังต้องติดตามพยานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งการติดตามรถจักรยานยนต์ กล้องถ่ายภาพ และกระเป๋าเป้ของนายบิลลี่ แต่ยังไม่ได้พิจารณาออกหมายเรียกบุคคลใด หรือหมายค้นในสถานที่ใด ส่วนการตรวจชิ้นส่วนกระดูกที่พบ 20 ชิ้น ตรวจพิสูจน์ได้เพียง 8 ชิ้นเป็นกระดูกมนุษย์ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่เหลืออีก 12 ชิ้นไม่ใช่กระดูกมนุษย์ เพียงแต่วัตถุพยานที่พบมีขนาดเล็กเกินไปจนไม่สามารถนำมาตรวจดีเอ็นเอได้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์จะทราบผลตรวจที่ชัดเจน เพราะการตรวจหาดีเอ็นเอจากชิ้นกระดูกมนุษย์ยากกว่าการตรวจจากเนื้อเยื่อ

               พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า สำนวนคดีเจ้าหน้าที่อุทยานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่ส่งตัวนายบิลลี่ดำเนินคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ส่งให้ดีเอสไอดำเนินคดี คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะส่งถึงดีเอสไอ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะนำมาผนวกรวมกันเพื่อให้คดีมีพยานหลักฐานเพิ่มมากขึ้น การสอบสวนของดีเอสไอจะไม่เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือกลุ่มผู้ต้องสงสัยมาให้ปากคำ แต่จะใช้วิธีสอบสวนและค้นหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การกระทำความผิด โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 6 ชุด ได้หลักฐานที่มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น สัปดาห์ต่อไปจะเน้นสอบพยานในที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และค้นหาพื้นที่ต้องสงสัย

               แหล่งข่าวจากชุดสอบสวนเปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้ทีมสอบสวนรวบรวมสำนวนคดีฆาตกรรมอื่นๆ ที่เคยเกิดเหตุในพื้นที่ จ.เพชรบุรี  ซึ่งเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงพฤติกรรมและแรงจูงใจในการก่อเหตุอุกอาจ ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยมีพฤติการณ์เป็นซุ้มมือปืน จิตใจเหี้ยมโหด สามารถก่อเหตุฆ่าคนตายได้เพียงเพราะมีเหตุขัดแย้งทั่วไป