ข่าว

(คลิป)พบกล้องวงจรปิด จุดรูดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจคลองตัน พบกล้องวงจรปิดย่านเอกมัย 12 คาดเป็นจุดรูดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนแล้ว พร้อมขยายผลสอบ 5 สหกรณ์แท็กซี่ ระบุยังไม่ตัดประเด็นบุคคลที่สัญจรผ่านไปมา

 

 

          จากกรณีที่โชเฟอร์แท็กซี่ก่อเหตุรูดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีน โดยผู้เสียหายได้เรียกรถแท็กซี่จากสถานบันเทิงย่านพระราม 9 เพื่อกลับยังที่พัก แต่ถูกนำไปทิ้งไว้ริมถนนหน้าซีคอนโด กลางซอยเอกมัย 12 ถนนเอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังจากฟื้นขึ้นมาจึงพบว่า ทรัพย์สินได้สูญหายไป ประกอบด้วย นาฬิกาปาเต๊ะ 1 เรือน แหวนเพชร 2 วง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สูญหายกว่า 3.6 ล้านบาท ผู้เสียหายนักธุรกิจจีนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

 

 

(คลิป)พบกล้องวงจรปิด จุดรูดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนแล้ว

 

          ความคืบหน้า​ เมื่อเวลา​ 11.00​ น.​ วันที่​ 4 ก.ย.​ พ.ต.อ.ปรเมษฐ โพยนอก​ ผกก.สน.คลองตัน​ เปิดเผยว่า​ ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด​ เพื่อหาเบาะแสของรถแท็กซี่ที่รับนักธุรกิจชาวจีน​ในวันเกิดเหตุ​ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ากล้องที่บันทึกมีลักษณะเป็นภาพขาวดำ​ ทำให้การดูสีรถเป็นไปได้ยาก​ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจมุ่งตรวจสอบรถแท็กซี่สีชมพูขาว​ ซึ่งมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับในภาพวงจรปิด​ ว่ามีทั้งหมดกี่สหกรณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ​ เพื่อตรวจสอบจีพีเอสระบุตำแหน่งรถในวันเกิดเหตุ​ เพื่อหารถต้องสงสัย​ ทั้งนี้ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานก่อน​ และหากพบเบาะแสคนร้ายก็พร้อมออกหมายจับในทันที

  
          รายงานข่าว​ ระบุว่า​ ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบเห็นรถแท็กซี่ต้องสงสัย ออกจากย่าน RCA โดยวิ่งไปทางเอกมัย 12 และขับวนอยู่พักนึง ก่อนจะเข้าไปจอดภายในซอยเอกมัย​ 12​ แต่บันทึกภาพได้ในระยะไกล​ เห็นเพียงดวงไฟรถจอดเท่านั้น​ และคาดว่าคนขับมีความชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี​ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอาจไม่ใช่คนขับแท็กซี่​ แต่อาจเป็นคนที่สัญจรผ่านไปมาใกล้กับจุดที่ผู้เสียหายถูกทิ้งให้นอนอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งได้ตรวจสอบแก๊งแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย​ ชอบรับเฉพาะนักท่องเที่ยว​ และเคยมีประวัติก่อเหตุลักษณะนี้​ ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบไปแล้วทั้งสิ้น​ 5 สหกรณ์​ ซึ่งจนถึงขณะนี้ไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด.

  

 

 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ