191 จับยาบ้า - ทลายแก๊งฮาร์ดคอร์

 

               เมื่อเวลา15.00 น. วันที่ 24 ส.ค. 62 ที่ กองบังคับการสายตรวจ 191  พันตำรวจเอก ปิยรัช สุภารัตน์ ผู้กำกับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 แถลงผลการจับกุม นายไกรยรัตน์ ลุสุข อายุ 35 ปี , นายอนุสรณ์ ลุสุข อายุ 29 ปี , นายสมเดช มีแก้ว อายุ 26 ปี , นางเพชรสมร อายุ 44 ปี และนางสมพร อายุ 33 ปี ชาวลาว พร้อมของกลาง ยาบ้า 99,600 เม็ด รถยนต์ ฟอร์ด เรนเจอร์ 4 ประตู 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

 

 

 

               หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมาจำหน่ายยังกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้ทำการวางแผนล่อซื้อยาเสพติดดังกล่าว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน ตำรวจอีกชุดยังสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในเครือข่ายได้อีก 2 คน ที่ห้างสรรพสินค้า ย่านงามวงศ์วาน

               นอกจากนี้ 191 ยังสามารถสกัดกั้นรถบรรทุก 10 ล้อ ขนยาเสพติดลงภาคใต้ พร้อมจับกุม นายปิยะพงษ์ หรือ มีน ศิริยามันต์ อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดปัตตานี โดยจับได้ที่บริเวณป้อมหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ตำบลบางคูวัด ปทุมธานี พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 100,000 เม็ด และรถบรรทุกทะเบียนราชบุรี 1 คัน

               สำหรับพฤติการณ์ของนายปิยะพงษ์จะร่วมกับพวกลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยใช้รถบรรทุกลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้ ตามคำสั่งการของนายทุนในเขตพื้นที่ภาคใต้

               สอบสวนนายปิยะพงษ์รับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติดลงพื้นที่ภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง โดยจำนวนยาที่ขนแต่ละครั้งต่ำสุด 100,000 เม็ด และมากสุดถึง 2,000,000 เม็ด ตำรวจจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เพื่อขยายผลจัดการกับนายทุนและเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป

               ส่วนคดีที่ 3 ตำรวจสามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดนำเงินที่ได้จากการขายยาปล่อยกู้และค้ารถเถื่อนได้ผู้ร่วมขบวนการหลายคนประกอบด้วย นายวัชรวีร์ รัศมีรัตน์ , นางสาวสุพัตรา อย่าเสียสัตย์ , นายสุรเชษฐ์ อินทรสุวรรณ , นายสยามขัดสี , นายชัยทัต แววทับเทศ และนายสิทธิพล ตูวิเชียร ผู้ต้องหา เครือข่ายแก๊งฮาร์ดคอร์

 

 

 

               ชุดสืบสวนสืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและมั่วสุมยาเสพติดบริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง เขตบึงกุ่ม จึงเฝ้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาเสพติดใน นายวัชรวี นางสาวสุพัตรา และนายสุรเชษฐ์ โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับว่ามั่วสุมยาเสพติดกัน ส่วนนายสุรเชษฐ์พบว่ามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองด้วย โดยรับสารภาพว่ามีอาวุธปืนไว้เพื่อติดตามทวงหนี้นอกระบบต่างๆ และให้ความร่วมมือขยายผลไปจับกุมแก๊งปลอมแปลงเอกสารครอบครองรถยนต์ โดยสามารถจับกุมนายสยามรัฐ นายชัยทัศน์ และนายสิทธิพล ที่ห้องพักแห่งหนึ่งบริเวณถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม พบของกลาง เอกสารคู่มือการจดทะเบียนรถป้ายทะเบียน ใบแสดงการเสียภาษีต่อทะเบียน จากนั้นตำรวจได้ทำการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งจนขยายผลไปจับกุมเครือข่ายอีก 1 คน ทำหน้าที่เป็นนกต่อคอยดูแลเรื่องเงินค่ายาเสพติดคือ นางสาวอารีย์วัน

               โดยผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวจะออกหาเป้าหมายโดยหาข้อมูลในตลาดมืดว่ามีลูกค้าของบริษัทไฟแนนซ์รายใดที่ค้างชำระและใกล้ถูกยึดรถ จากนั้นจะให้คนชี้เป้าลงไปในพื้นที่เพื่อหาจุดที่ผู้เสียหายจอดรถไว้บ่อยๆ ก่อนจะส่งกลุ่มทวงหนี้เข้าไปแสดงตัวว่าเป็นไฟแนนซ์จากบริษัทต่างๆ และยึดรถมาก่อนจะขายลงใน facebook เพจที่กลุ่มคนร้ายตั้งขึ้น หากบางรายไม่ยินยอมก็จะบังคับข่มขู่และชิงรถมา บางรายเป็นลูกหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นๆ ที่ว่าจ้างให้เข้าไปทวงหนี้เพื่อเอาทรัพย์สินรูปแบบต่างๆ ส่วนเงินที่ได้ก็จะนำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่และซื้อยาเสพติดรวมถึงหมุนเวียนในการซื้อขายยาเสพติดของแก๊งตัวเอง

               เบื้องต้น ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ และสมาชิกแก๊งอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี