ป่วนกรุงอีกซุกระเบิดเพลิงประตูน้ำ

 

               เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2562  พล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจษฎา คุ้มศาสตรา ผกก.สน.พญาไท พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สอบสวน สน.พญาไท เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าตรวจสอบภายในร้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. หลังพบพาวเวอร์แบงก์ถูกซุกไว้บริเวณกองผ้าภายในร้าน

 

 

 

               นายวุฒิกร กุลกิจจา อายุ 28 ปี ลูกชายเจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. ขณะที่ตนกำลังจะเก็บร้าน ตนและลูกจ้างได้เคลียร์สินค้าภายในร้านเพื่อดูว่าสินค้าได้ขายไปมากน้อยเพียงใด ระหว่างนั้นตนพบพาวเวอร์แบงก์ก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวซุกอยู่ในกองเสื้อผ้าที่วางอยู่ใต้โต๊ะกลางร้าน จึงเดินไปถามร้านข้างๆ ว่ามาลืมพาวเวอร์แบงก์ไว้ในร้านบ้างหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครลืมไว้ อีกทั้งคนในร้านก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ

               “ตอนนั้นผมนึกได้ว่าเหตุระเบิดที่ผ่านมามีส่วนประกอบของพาวเวอร์แบงก์ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยทันที ทั้งนี้ ที่ร้านมีกล้องวงจรปิดก็จริง แต่มีไว้เพื่อป้องกันลูกค้าขโมยของมากกว่า และวานนี้ก็มีลูกค้าเข้าเป็นจำนวนมาก จึงไม่ได้สังเกตว่าใครมีพิรุจหรือไม่อย่างไร” นายวุฒิกร กล่าว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าทำการเก็บหลักฐานจุดที่พบพาวเวอร์แบงก์และเก็บฮาร์ดดิสก์ของกล้องวงจรปิดภายในร้านไปตรวจสอบ แต่ไม่มีนายตำรวจคนใดให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

               รายงานข่าวระบุว่า พาวเวอร์แบงก์ที่เก็บกู้ได้มีลักษณะเดียวกันกับที่พบใน 3 จุด ย่านประตูน้ำ ซึ่งมีส่วนผสมของสารไวไฟที่ทำให้ติดไฟง่าย คาดว่าจะเป็นระเบิดเพลิงแสวงเครื่องที่คนร้ายนำมาวางไว้พร้อมกัน แต่เครื่องดังกล่าวที่เพิ่งพบอาจจะเกิดข้อผิดพลาดจึงทำงานไม่สมบูรณ์ จึงทำให้มีรอยไหม้ที่พาวเวอร์แบงก์เพียงเล็กน้อย

               ขณะที่ EOD ได้นำสุนัขตำรวจ K-9 เข้าสแกนพื้นที่โดยรอบเพื่อตรวจหาวัตถุแปลกปลอมอีกครั้ง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในย่านประตูน้ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               ต่อมา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดหรืออีโอดี และพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ลงพื้นที่จุดที่มีการระเบิดเพลิงห้างสรรพสินค้าย่านปทุมวัน 2 จุด เพื่อตรวจสอบแผนประทุษกรรมว่าคล้ายกับเหตุเพลิงไหม้ย่านประตูน้ำหรือไม่

               มีรายงานจากการตรวจสอบพบว่า ในที่เกิดเหตุทุกจุดจะพบเศษแบตเตอรีสำรอง (พาวเวอร์แบงก์) จึงเชื่อว่าเหตุเพลิงไหม้ย่านปทุมวัน 2 จุดนี้ ก็เชื่อมโยงกับเหตุที่ย่านประตูน้ำ และนำมาวางในห้วงเวลาเดียวกัน ซึ่งวิธีการประกอบระเบิดเพลิงมักไม่พบเจอในกรุงเทพมหานคร แต่ส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้