คืบหน้าไล่ซัลโวสถาบันคู่อริ ตร. เร่งล่ามือยิง จับได้แล้ว 15 ราย
จากกรณีกลุ่มคนร้ายสถาบันอาชีวะไล่ก่อเหตุปาระเบิดปิงปองและใช้อาวุธปืนยิงใส่คู่อริ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย ที่บริเวณถนนศรีนครินทร์ ช่วงทางเบี่ยงก่อนขึ้นสะพานข้ามถนนเทพรัตน (บางนา - ตราด) ฝั่งขาออก ใกล้โรงแรมเมเปิ้ล แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นทางตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนทำการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับคนร้ายได้ 7 คน ตลอดจนทางผู้ปกครองได้นำมามอบตัวแล้วบางส่วน เปิดกล้องหน้ารถจับภาพนาทีไล่ซัลโวสถาบันคู่อริ (อ่านต่อ...มีคลิป)
คืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ก.ค. 62 พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุมาแล้ว 3 วัน ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และฝ่ายสืบสวน สน.บางนา ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาโดยตลอด และทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 8 คน จับกุมตัวได้แล้ว 7 คน หลบหนีการจับกุม 1 คน และจากการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจสามารถตรวจยึดรถ จยย. จำนวน 8 คัน พร้อมเสื้อผ้า หมวกกันน็อกที่ใส่ในวันก่อเหตุ จำนวน 17 ใบ มีด 2 เล่ม จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งสอบปากคำโดยละเอียด ซึ่งทุกคนให้การเป็นประโยชน์ และรับสารภาพว่าเป็นกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุในวันดังกล่าวจริง
พล.ต.ต.มงคล เปิดเผยอีกว่า สำหรับคดีนี้มีกลุ่มผู้ต้องหา รวม 22 คน เป็นผู้ใหญ่ 9 คน และเยาวชน 13 คน จับกุมได้แล้ว 7 คน หลบหนีการจับกุม 1 คน คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และเตรียมขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ นายบี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี โดยขณะนี้ จับกุมทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนในคดีนี้ได้แล้ว 15 คน และคาดว่าที่เหลือจะสามารถจับกุมได้เร็วๆ นี้ จนครบทุกคน
พล.ต.ต.มงคล กล่าวว่า จากการสอบสวนกลุ่มผู้ก่อเหตุรับว่า สาเหตุทั้งหมดเกิดจากเรื่องของสถาบัน ส่วนรายละเอียดเชิงลึกว่าจะเป็นเรื่องทำร้ายผิดตัวหรือไม่อย่างไรต้องรอให้จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดเสียก่อน จึงจะสามารถทราบข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ทั้งนี้ จากการสอบสวนมีผู้ต้องหาบางรายให้การรับว่าทำระเบิดปิงปองขึ้นมาเอง และใช้ก่อเหตุจริงในวันดังกล่าวอีกด้วย
พล.ต.ต.มงคล กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนนั้น ขณะนี้ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งก็อยากให้ญาติพาเข้ามอบตัวกับทางตำรวจโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำสถาบันการศึกษาให้มีการอบรมให้ความรู้ในเรื่องของกฎหมาย โทษของการกระทำผิด พกพาอาวุธ ทำร้ายร่างกายมีโทษอย่างไร หรือกลุ่มเสี่ยงจะต้องมีการคัดแยกออกมาทำประวัติ ให้ตระหนักถึงโทษที่จะต้องได้รับและอาจเสียอนาคตได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายเอ หนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายจับคาดว่าน่าจะเป็นผู้ใช้อาวุธปืนในการยิงก่อเหตุครั้งนี้เพียงคนเดียว โดยผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตพบกระสุน ขนาด .38 ฝังในหัวใจ ซึ่งคาดว่าเป็นเหตุให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง