ข่าว

เสี่ยร้อง ป. 29 ทหาร ตร. ปกครอง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โวยถูกทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวม 29 นาย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แถมหน่วงเหนี่ยวกักขัง แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ

 

               กองปราบฯ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ก.ค. 62  นายประเสริฐ พิมพ์พาพร อายุ 75 ปี เจ้าของ หจก.พี.เอส.โอ.อิมปอร์ต (ไทยแลนด์) ทำธุรกิจจำหน่ายยางรถยนต์ นำเข้ายางรถยนต์จากต่างประเทศ พร้อม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธีรพจน์ คงหนู สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และข้าราชการพลเรือน รวม 29 นาย ในหลายข้อหา "แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ , หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ ทำให้เกิดความตกใจกลัว , แจ้งความเท็จ , เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายอาญา พร้อมนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายและเอกสารมอบให้พนักงานสอบสวน

 

 

 

               นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่กรมทหารสื่อสารที่ 1 ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ทำการปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ประมาณ 100 กว่าคน ได้ร่วมกันบุกรุกเข้ามาภายใน หจก.พี.เอส.โอ.อิมปอร์ต (ไทยแลนด์) โดยไม่แสดงหมายค้น และบอกว่าที่โรงงานมีแรงงานต่างด้าว จากนั้นกลุ่มเจ้าพนักงานดังกล่าวก็ได้กระจายกันค้นทั่วบริเวณโรงงานของนายประเสริฐ โดยไม่ยอมให้เป็นผู้นำในการตรวจค้น ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายประเสริฐโดยหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ในห้องทำงาน ก่อนแจ้งให้ทราบว่านายประเสริฐมีหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน คดีที่ 125/2562 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราประกอบกิจการสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (การให้กู้ยืม) โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารได้บังคับให้นายประเสริฐเปิดตู้เซฟและพูดจาข่มขู่ว่าหากขัดขืนจะนำตัวไปกักขังได้เป็นเวลา 7 วัน จึงต้องยอมเปิดตู้เซฟภายในมีเอกสารโฉนดที่ดินและเอกสารอื่นๆ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้ยึดเอาเฉพาะโฉนดที่ดินทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องไปทั้งหมด จำนวน 52 ฉบับ พร้อมกับทำบันทึกการยินยอมให้ตรวจยึดเอกสารดังกล่าวไป ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวไม่ยินยอม แต่เนื่องจากถูกข่มขู่บังคับ

 

 

 

               นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งได้เจรจากับนายประเสริฐโดยกล่าวถึงคดีกู้ยืมเงินว่า นายประเสริฐได้ให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และหมายจับดังกล่าวก็คือคดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนแจ้งความเท็จดำเนินคดีกับนายประเสริฐจนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับ จากนั้นได้พูดต่อรองหนี้ที่หญิงคนดังกล่าวเป็นหนี้อยู่ประมาณ 18 ล้านบาทเศษ โดยขอลดดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 4 ล้าน 5 แสนบาทเศษ คงเหลือ 2 ล้านบาทเศษ และขอกำหนดระยะเวลาชำระภายใน 1 เดือน โดยไม่ให้มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยหากชำระเกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน ให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี หากไม่สามารถชำระหนี้ตามระยะเวลาดังกล่าวได้ให้เป็นไปตามสัญญาเดิม และให้ทั้งสองฝ่ายตกลงพร้อมกันที่จะไปถอนคำร้องทุกข์คดี พ.ร.บ.เช็ค ผิดสัญญาชำระหนี้ และให้ถอนคำร้องทุกข์แจ้งความเท็จ ซึ่งตัวนายประเสริฐไม่ตกลงตามข้อเสนอ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข่มขู่เป็นเหตุให้ต้องฝืนใจทำบันทึกจากการสนทนาดังกล่าว

               ทั้งนี้ การที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวร่วมกันบุกรุกเข้ามาที่ หจก.พี.เอส.โอ.อิมปอร์ต (ไทยแลนด์) นั้น มาด้วยจุดประสงค์เดียวคือต้องการให้นายประเสริฐลดหนี้ที่ค้างชำระอยู่โดยการนำหมายจับของศาลจังหวัดหัวหินมาใช้เป็นเครื่องมือ แต่ไม่มีการจับกุมตามหมายจับดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกับสั่งให้นายประเสริฐไปพบกับคู่กรณีในวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อไปตกลงเกี่ยวกับหนี้ที่มีการค้างชำระอยู่ หากไม่ไปจะถูกดำเนินคดีและจะถูกเอาตัวไปกักขังเป็นเวลา 7 วัน ทำให้นายประเสริฐเกิดความกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะค้าขายไม่ได้ จึงจำยอมต้องตกลงตามที่เจ้าหน้าที่ดังกล่าวเรียกร้องและข่มขู่ นอกจากนี้ ยังข่มขู่สั่งให้ไปคนเดียวห้ามนำทนายความไปด้วยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะดำเนินคดีทันที และที่สำคัญพฤติการณ์ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ดังกล่าวใช้หมายจับของศาลเป็นเครื่องมือยังเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอีกด้วย

 

 

 

               นายอนันต์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ในขณะตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบคนงานต่างด้าวที่กำลังเข้ามาสมัครงาน 1 คน โดยได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคนงานของโรงงาน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อกลับทำบันทึกจับกุมในข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน การกระทำของเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่จับกุมตัวนายประเสริฐในข้อหาหรือฐานความผิดตามหมายจับ แต่กลับกลั่นแกล้งจับกุมในความผิดแรงงานต่างด้าว อีกทั้งไม่แจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ทราบตามกฎหมายอันถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

               นายประเสริฐ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คู่กรณีที่แจ้งความได้ชักชวนตนให้ร่วมลงทุนซื้อที่ดินเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรร “โครงการรัศมี” และจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งตนก็ตกลงและได้ให้เงินลงทุนไปประมาณ 15 ล้านบาทเศษ โดยฝั่งคู่กรณีได้ทำเป็นสัญญาเงินกู้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี มอบให้ไว้เป็นหลักประกัน และเมื่อคำนวณแล้วตนจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนเพียง 600,000 บาท ซึ่งมิใช่ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนมีอาชีพเป็นหลักแหล่งมั่นคง โดยทำธุรกิจขายยางรถยนต์ ไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้หรือประกอบกิจการสินเชื่อรายย่อยแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่บุกค้นโรงงานตน สื่อหลายช่องได้นำเสนอข่าวทำให้ประชาชนที่ไม่รู้ความจริงเข้าใจว่าตนเป็นคนไม่ดี ทำสิ่งผิดกฎหมาย ปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้ผิดกฎหมาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศและก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจการค้าของตนเป็นอย่างมาก

               เบื้องต้น พ.ต.ต.ธีรพจน์ ได้รับเรื่องไว้ ก่อนส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป.) ดำเนินการ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวโทษเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

 

 

 

เสี่ยร้อง ป. 29 ทหาร ตร. ปกครอง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

 

 

เสี่ยร้อง ป. 29 ทหาร ตร. ปกครอง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

 

 

เสี่ยร้อง ป. 29 ทหาร ตร. ปกครอง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ