กวาดล้างแว้นเมืองชลยึด540คัน

          เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (บก.ภ.จว.ชลบุรี) พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.อ.เมฒาวิศ  ประดิษฐ์ผล, พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.อ.จุมพล อินทรลักษณะ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้ทุก สภ.ในสังกัด ภ.จว.ชลบุรี ดำเนินการตามมาตรการป้องปรามการแข่งรถในทาง (เด็กแว้น) ห้วงวันที่ 27 – 29 มิถุนายน 2562

          พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีประชาชนหลายพื้นที่แจ้งเบาะแสของกลุ่มเด็กแว้น ในเรื่องของเสียงรถจักรยานยนต์ที่เสียงดัง ออกมาขับในเวลากลางวันและกลางคืน โดยมีการเบิ้ลคันเร่ง เสียงดัง โดยปัญหาของเด็กแว๊นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของชาวชลบุรีสร้างความรำคาญ เดือดร้อนทำให้ชาวบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดยก่อนหน้านี้ประชาชนได้มีการพยายามว่ากล่าวตักเตือนวัยรุ่นกลุ่มนี้แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครเกรงกลัวต่อกฎหมาย  เกรงว่าหากไม่มีการระงับเด็กแว๊นเหล่านี้ อาจจะพัฒนาตัวเองไปสู่การก่อเหตุอาชญากรรม ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มีมาตราการป้องกันและปราบปราม มีมาตรการกวาดล้างกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวพร้อมกับรถจักรยานยนต์โดยประสานกับหน่วยงานหลายพื้นที่เพื่อกวาดล้างและจับกุม นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดด้วย 

          ขณะนี้ทุกสภ.ได้ดำเนินการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ตามมาตรการดังกล่าวได้แล้วทั้งสิ้น 540 คัน แยกเป็นแต่ละ สภ.ดังนี้ 1.สภ.แหลมฉบัง 22 คัน 2.สภ.บ่อวิน 22 คัน 3.สภ.ศรีราชา 29 คัน 4.สภ.บางละมุง 30 คัน 5.สภ.พนัสนิคม 17 คัน 6.สภ.บ้านบึง 22 คัน 7. สภ.พานทอง 14 คัน 8.สภ.สัตหีบ 10 คัน 9. สภ.หนองขาม 33 คัน 10. สภ.แสนสุข 40 คัน 11. สภ.ดอนหัวฬ่อ 31 คัน 12. สภ.เสม็ด 52 คัน 13. สภ.เมืองชลบุรี 50 คัน 14.สภ.หนองปรือ 15 คัน 16. สภ.นาจอมเทียน 21 คัน 17. สภ.พลูตาหลวง 14 คัน 18. สภ.คลองกิ่ว 8 คัน 19. สภ.หนองใหญ่ 9 คัน 20. สภ.บ่อทอง 14 คัน 21.สภ.เกาะจันทร์ 25 คัน และ  22.สภ.ห้วยใหญ่ 9 คัน

          อย่างไรก็ตามได้แยกเป็นความผิดที่ทำการตรวจยึด ดังนี้ 1.เปลี่ยนแปลงสภาพรถ 152 คัน 2. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 88 คัน 3. ไม่พกพาสำเนาคู่มือรถ 180 คัน 4. อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบถ้วน 60 คัน 5. ไม่มีใบอนุญาตขับรถ 24 คัน 6. ไม่แสดงเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี 31 คัน 7. ขับรถประมาทหวาดเสียว 4 คัน และ 8. เป็นเยาวชน 95 คัน

 

 

 

          พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อหาและอัตราโทษสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้อง คือ 1.ขับรถประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน อัตราโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท 2. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นตาม อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับสูงสุด 10,000 บาท 3.เปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ (ดัดแปลงสภาพรถ) ตาม อัตราโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท และ 4. ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท

          พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กหรือเยาวชนออกมากระทำความผิด มีส่วนรับผิด ข้อหา บิดามารดาหรือผู้ปกครองสนับสนุนปล่อยปละละเลยให้เด็กหรือเยาวชนร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมให้แข่งรถในทาง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ข้อ 2   อัตราโทษ คือ ตักเตือนทำทัณฑ์บน หรือให้วางเงินประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือเยาวชนกระทำผิดอีก และ หากเด็กหรือเยาวชนกระทำผิดซ้ำอีก บิดามารดา หรือผู้ปกครอง ต้องระวางจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และริบเงินประกัน

          พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับร้านซ่อม หรือตกแต่งรถ จะมีส่วนรับผิด ในข้อหา ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้การแข่งรถในทาง โดยการผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ข้อ 3  อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท

          ทั้งนี้ เมื่อมีการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและชัดเจน จึงคาดว่ากลุ่มรถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมายจะลดลง