ข่าว

ปคบ. บุกทลายอาหารเสริมลดน้ำหนักผิดกฎหมาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปคบ. บุกทลายยาลดน้ำหนักผิดกฎหมาย และจับกุมโรงงานผลิตยาจุดกันยุงเถื่อน ยึดของกลางได้กว่า 10 ล้านบาท

 

               เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2562 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4  พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วินัย วงษ์บุบผา รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.4 บก.ปคบ. นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ อย.

 

 

 

               ร่วมกันแถลงผลการทลายแก๊งหัวใสลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผิดกฎหมาย ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 และโรงงานเถื่อนลักลอบผลิตยาจุดกันยุงไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้มาขออนุญาตผลิตให้ถูกต้องกับ อย. หลังนำกำลังเข้าตรวจค้น 4 แหล่ง ทั้งจังหวัดสมุทรสาคร ปทุมธานี และนครราชสีมา มูลค่าของกลางรวมกว่า 10 ล้านบาท

               นายแพทย์ธเรศ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการติดตามเฝ้าระวังและตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพมาโดยตลอดและได้รับการแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ปลอดภัยจากต่างประเทศที่ตรวจสอบพบไซบูทรามีนคือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฉลากระบุผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฉลากระบุ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ตราบีโคลี่ Becoli อย. 74-1-12560-5-0014 ผลิตโดย บริษัท ไนน์คอสกรุ๊ป จำกัด เลขที่ 9/83 ม. 5 ต.บางน้ำจืด อ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ตรวจพบยาแผนปัจจุบัน Sibutramine Sennosides และ Bisacodyl ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าข่ายจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จากข้อมูลการอนุญาตสถานที่ผลิตอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาพบว่าบริษัทดังกล่าว ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหาร เลขที่ 74-1-12560 จึงได้สนธิกำลังร่วมกับ กก.4 บก.ปคบ. นำหมายค้นลงพื้นที่เก็บข้อมูลหลักฐานและสืบสวนในเชิงลึกจนได้ข้อมูลชัดเจนโดยได้เข้าตรวจสอบสถานที่จำนวน 2 แหล่ง

 

 

 

               สถานที่แรกเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 9/83 ม.5 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยสถานที่ดังกล่าวแต่เดิมเป็นที่ตั้งของบริษัท ไนน์คอส จำกัด ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นสถานที่ผลิตจาก อย. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่าสถานที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาคารเช่าประกอบกิจการโรงงาน โดยผู้ประกอบการปัจจุบันชี้แจงว่าได้เช่าโรงงานดังกล่าวมาตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2561 โดยดำเนินกิจการประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรโรงงานไม่ได้ประกอบกิจการผลิตอาหารแต่อย่างใด

               จุดที่ 2 เข้าตรวจสอบบริษัท อุตสาหกรรมครัวไทย จำกัด บ้านเลขที่ 99/24 ม.5 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร จากการตรวจค้นพบว่า บริษัทได้ทำธุรกิจจำหน่ายน้ำปลาร้าพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งภายในพบถุงกระสอบบรรจุกล่องลูกฟูกที่ภายในบรรจุผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตราโนวี่ NOVY อย. 74-1-12560-5-0017 ซึ่งฉลากระบุผลิตโดย บริษัท ไนน์คอส จำกัด และตรวจพบเอกสารเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตราโนวี่ NOVY และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ รวมทั้งตรวจพบป้ายของบริษัทเก็บไว้อยู่ภายใน ประกอบกับพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีไว้เพื่อจำหน่าย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตรากีวีดา Kiwida อย. 74-1-12560-5-0015 ซึ่งระบุวันผลิต 17/2/62 อีกทั้งยังพบกล่องบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตราบีโคลี่ Becoli อย. 74-1-12560-5-0014 ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการแสดงข้อความผลิตโดย บริษัท ไนน์คอสกรุ๊ป จำกัด เบื้องต้นพบว่ามีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวรวมทั้งบรรจุภัณฑ์และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบส่งตรวจวิเคราะห์ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อหาการปลอมปนยาแผนปัจจุบัน

 

 

 

               ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ดังนี้ 1. พบการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น ฉลากไม่แสดงข้อความภาษาไทยกำกับไว้ เป็นต้น มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ประกอบกับกรณีที่ฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารระบุชื่อที่ตั้งสถานที่ผลิตบริษัท ไนน์คอสกรุ๊ป จำกัด และระบุรุ่นการผลิต ซึ่งเป็นช่วงเวลาภายหลังจากสถานที่ตั้งดังกล่าวไม่มีสภาพเป็นสถานที่ผลิตอาหารแล้ว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นอาหารที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวง หรือพยายามลวงให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในเรื่องสถานที่ผลิต จัดเป็นอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 - 100,000 บาท

               2. กรณีตรวจพบยาแผนปัจจุบันจัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือปนอยู่เข้าข่ายจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้กรณีเป็นผู้จำหน่ายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าผู้นั้นกระทำความผิดอีกภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้กระทำความผิดครั้งก่อนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจพบไซบูทรามีนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท

 

 

 

               ทางด้าน พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า ทาง บก.ปคบ. ได้มีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน และได้ทำการสืบสวนหาแหล่งที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จนสืบทราบว่าเป็นโรงงานที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตอาหาร อยู่ที่ย่านคลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2562 จึงได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นพบแคปซูลผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน และแคปซูลอาหารเสริมยังไม่ได้บรรจุแผงจำนวนกว่า 100,000 แคปซูล พร้อมทั้งพบเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต มูลค่าของกลางรวมกว่า 5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นความผิดฐาน “ตั้งโรงงานผลิตอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฐานผลิตขายหรือมีไว้เพื่อขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 โดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท

               นอกจากนี้ยังได้บุกทลายโรงงานผลิตยาจุดกันยุงเถื่อนยี่ห้อกวางทองหรือ goldeer ตั้งอยู่ที่โรงงานเลขที่ 225 ม.3 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขณะตรวจพบคนงานประมาณ 10 คน กำลังผลิตโดยนำขดยาจุดกันยุงเข้าเครื่องเพื่อพ่นเคลือบน้ำยาส่วนผสมสารกำจัดแมลง ก่อนนำมาแพคบรรจุซึ่งของกลางที่พบประกอบด้วย ยาจุดกันยุงยี่ห้อกวางทองที่พร้อมจำหน่ายจำนวน 79,200 กล่อง ถังผสมน้ำยา วัตถุดิบสารกำจัดแมลง ตัวทำละลาย น้ำหอม ขดยาจุดกันยุงเปล่าที่ยังไม่ได้เคลือบยา 1,320 ลัง และกล่องยาจุดกันยุงกวางทองซึ่งคาดว่าสามารถผลิตยาจุดกันยุงเพื่อจำหน่ายได้เพิ่มอีก 70,000 กล่อง ยาจุดกันยุงยี่ห้อดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ขออนุญาตกับทาง อย.

 

 

 

               ทั้งนี้ ตัวผู้ผลิตเองก็ไม่ทราบว่ายาจุดกันยุงที่ผลิตใช้สารกำจัดแมลงชนิดใด แต่จากผลการตรวจวิเคราะห์เดิมที่ อย. เคยเก็บพบสาร meperfluthrin เป็นสารกลุ่ม pyrethriods ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่ต้องขึ้นทะเบียนและขออนุญาตก่อนผลิตหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรนอกจากนี้สาร meperluthrin ซึ่งเป็นสารสำคัญในยาจุดกันยุงกวางทองยังไม่เคยได้รับขึ้นทะเบียนกับ อย. มาก่อน จึงไม่ได้ผ่านการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมในการใช้ จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อตัวผู้ใช้ได้ โดยอันตรายจากสารกลุ่ม pyrethriods จะส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณที่ร่างกายรับเข้าไปซึ่งร่างกายรับสารนี้ได้ทางการกินกับการหายใจ และจะถูกกำจัดออกจากร่างกายใช้เวลา 4 - 12 วัน หากได้รับปริมาณมากจะมีอาการ มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก ชักหมดสติ หรือพบอาการอื่นๆ เช่น การระคายเคืองผิวหนัง หรือทางเดินหายใจ

               การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ดังนี้ 1. ผลิตวัตถุอันตรายโดยไม่ได้ขออนุญาตผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ผลิตวัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ขายวัตถุอันตรายที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องโดยเป็นการกระทำของผู้ผลิตมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. ปลอมปนสารที่อาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพในเครื่องอุปโภคเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

               ขณะที่ เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าวเตือนไปยังผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาอวดอ้างเกินจริงทางสื่อออนไลน์ โดยอ้างว่าสามารถลดน้ำหนัก บำบัดบรรเทาหรือรักษาโรคที่ร้ายแรงได้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายขอให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญและตรวจดูเลขทะเบียนและเครื่องหมาย อย. ในผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยใช้แล้วไม่เกิดอันตราย โดยผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพก่อนการเลือกซื้อได้ที่ Application “ตรวจเลข อย.” ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารที่ช่วยเข้าถึงมือผู้บริโภคได้ง่ายสะดวกและรวดเร็วเป็นการสร้างความมั่นใจ เบื้องต้นให้กับผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายทางช่องทางใดก็ตาม ขอให้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ อย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างว่าสามารถให้ผลในการบำบัดบรรเทารักษาหรือป้องกัน

               ทั้งนี้ อย. ได้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณาที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างใกล้ชิดหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยสามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail: [email protected] หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11000 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือ Line@FDAthai หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศเพื่อ อย. จะทำการตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ