ข่าว

พ่อแม่ร้องกองปราบฯลูกตายมีเงื่อนงำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ครอบครัวหนุ่มวัย 28 ปี ร้องกองปราบฯช่วยทำคดี ไม่เชื่อลูกยิงตัวตาย พร้อมตั้ง 4 ประเด็นน่าสงสัย เผยเตรียมฟ้องหมิ่นฯครอบครัวเมียลูกชาย เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

 

              ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 นายวิชิต โตวะจักร พร้อมด้วย นางวันเพ็ญ โตวะจักร และ นายสิรวิทย์ ช่วงเสน พ่อแม่และพี่ชายของนายวสันต์ หรือ บ่าว โตวะจักร ที่เสียชีวิตในจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ได้นำเอกสารการชันสูตร ใบมรณบัติ และสำเนาการลงบันทึกประจำวัน ของ สถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อกองปราบปราม หลังเหตุการณ์ผ่านมาแล้วกว่า 3 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า

 

              โดยคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เป็นการฆ่าตัวตายโดยอาวุธปืน แต่ทางครอบครัวไม่เชื่อ เนื่องจากสภาพศพของนายวสันต์ ถูกยิงเข้าหน้าอกตรงกับหัวใจอยู่ข้างบ้านภรรยา ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการฆ่าตัวตาย ทางครอบครัวจึงได้นำโลงศพไปโบกปูนเก็บไว้ที่วัดท่ามะปริง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อรอผลทางคดีที่ชัดเจน

              ทั้งนี้ทางครอบครัวนายวสันต์ ระบุว่า ที่ต้องเดินทางมาร้องกองปราบปรามเนื่องจากว่า ผลการสรุปคดีของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ขัดแย้งกับผลการชันสูตร และทางครอบครัวมีการตั้งข้อสงสัย 4 ประเด็น คือ อย่างแรกอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุคือปืนลูกซองสั้น การยิงคือยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย ซึ่งโดยปกติคนฆ่าตัวตาย จะเอาปืนมาจ่อที่หัวมากกว่าหน้าอก ข้อสงสัยต่อมาอย่างที่ 2 คือปืนก่อเหตุเป็นปืนลูกซองสั้น การที่เอาปืนมาจ่อที่หัวใจ ที่อยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย ซึ่งนายวสันต์เป็นคนถนัดซ้าย ดูแล้วไม่ใช่วิสัยของการลงมือด้วยตัวเอง ข้อสงสัยต่อมาข้อที่ 3 คือผลชันสูตร ที่ระบุว่าตรวจพบว่ามี ซี่โครงซ้ายหัก 3 ซี่ , ซี่โครงขวาหัก 1 ซี่ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ชี้แจงว่ามาจากการที่กระสุนปืนเข้าไปกระทบทำให้กระดูกซี่โครงหักหลายซี่ นอกจากนี้ยังมีรอยช้ำตามแขนของนายวสันต์ จึงเชื่อว่านายวสันต์ อาจจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนหรือไม่

              และประเด็นข้อสุดท้ายคือ อาวุธที่ใช้ถูกนำไปซุกไว้ในกองทราย ซึ่งไม่สามารถเป็นไปได้ว่าคนที่ยิงตัวตายแล้วจะสามารถหักปืนและนำไปซ่อนก่อนเสียชีวิตได้ และสำหรับในส่วนของปืนในวันเกิดเหตุไม่พบในจุดเกิดเหตุแต่มาพบในอีก 2 วันให้หลังโดยอ้างว่าสุนัขคาบออกมาจากกองทรายใกล้จุดเกิดเหตุ แต่ต่อมาพ่อตานายวสันต์ กับรับสารภาพว่าเป็นผู้นำไปซุกซ่อนไว้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นปืนของใคร และยังไม่มีการดำเนินการแจ้งข้อหา เกี่ยวกับการซ่อนอาวุธหรือของกลางในคดีอาญากับทางพ่อตานายวสันต์แต่อย่างใด ทั้งๆเป็นผู้ที่ตรวจพบคราบเขม่าดินปืนเช่นเดียวกับผู้ตาย และเป็นผู้นำอาวุธปืนไปซุกซ่อนเจ้าหน้าที่

 

              ซึ่งทางครอบครัวจึงเชื่อว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะนายวสันต์ มีเรื่องกับพ่อตามานาน ตั้งแต่เริ่มแต่งงาน และยังเคยถูกพ่อตาดูถูกในเรื่องของฐานะว่าตั้งแต่ลูกสาวมาแต่งงานกับนายวสันต์ ก็ยังไม่มีเงินทองเสื้อผ้า หรือรถยนต์นั่ง แต่ไม่เคยมีการทะเลาะรุนแรงถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน

              ขณะที่ นางวันเพ็ญ ระบุว่า ในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ ได้เดินทางไปพบลูกชาย เพื่อเข้าไปขอยืมรถจักรยานยนต์มาใช้ทำงานเป็นเวลา 3 วันซึ่งทางลูกชายก็ไม่ได้มีท่าทางผิดปกติหรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลูกชายยังไม่มีท่าทีหรืออาการเครียดจากปัญหาใดๆ แต่พอเดินทางกลับมาได้เพียง 1 ชั่วโมงก็ได้รับโทรศัพท์ว่าลูกชายยิงตัวตาย

              ส่วน ประเด็นที่ทางภรรยาลูกชายให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ผู้ตายเกิดความน้อยใจที่ตนเองเดินทางมายืมรถจักรยานยนต์ไปใช้ก็ไม่ใช่ความจริง เพราะตัวลูกชายยินดีให้ตนเองยืมรถมาใช้โดยไม่ได้มีปัญหาผิดใจหรือทะเลาะกัน และไม่เชื่อว่าสาเหตุที่ลูกชายจะยิงตัวตายตามที่อ้างมาจากเรื่องรถจักรยานยนต์

              นางวันเพ็ญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางครอบครัวอยู่ระหว่างการพิจารณาฟ้องทางพ่อตาและทางครอบครัวของภรรยากับลูกชายในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากว่าตลอดช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ทางครอบครัวของภรรยาลูกชายมีการพูดกับหลายคนรวมถึงทั้งสื่อมวลชนถึงฐานะทางครอบครัวของทางพ่อแม่ว่ามีหนี้สินถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ทำร้ายร่างกาย ซึ่งไม่ใช่ความจริง ทำให้เกิดความเสียหายกับทางครอบครัว จึงเตรียมดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหาย จำนวน 5 ล้านบาท

              เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองปราบปราม จะทำการสอบปากคำและรับเรื่องร้องทุกข์ไว้ก่อนจะตรวจสอบพยานหลักฐานที่นำมายื่น เพื่อเสนอให้ผู้บังคับบัญชาทราบและมีคำสั่งดำเนินการต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ