รวบเพิ่ม! 'โจ' แก๊งอาก้าหนีกบดานชุมพร

               จับได้อีก 1 ผู้ต้องหาคดีปืนอาก้ากราดยิงนักท่องเที่ยวอินเดียดับ 1 หนีกบดานไกลถึงชุมพร เตรียมนำตัวเข้า กทม.สอบละเอียด พร้อมจ่อออกหมายจับเพิ่มอีก 13 รายฝั่งต่างถิ่น

               จากกรณีเหตุกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ที่บริเวณลานจอดรถ ด้านหลังห้างสรรพสินค้าวอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน ซอยราชปรารภ 2 แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.พญาไท เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา เบื้องต้นชุดสืบสวนพบสาเหตุเกิดจากการทะเลาะกันของกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นกับวัยรุ่นถิ่นอื่นที่มาเล่นสนุ้กเกอร์

               โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไว้แล้ว ประกอบด้วย นายพรเทพ พุ่มพวง ฝั่งเจ้าถิ่น ส่วนฝั่งต่างถิ่นที่ถูกจับกุมแล้ว คือ นายปรีชา ศักดิ์อุดมไพศาล และที่มามอบตัวเพิ่มอีก 4 คน ประกอบด้วย นายประมุข หรือ เบิร์ด จันท์เสนานนท์ นายสมชาย หรือ ปัง แซ่ปัง นายภิรมย์เวศน์ หรือ หนึ่ง อภินรชาติ และ นายธัชกร หรือบลู พรภักดี

               ทั้งนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีและโดนออกหมายจับแล้ว ประกอบด้วย นายบำเพ็ญ พุ่มพวง พ่อของนายพรเทพ เจ้าของปืนอาก้า นายเกษม รุณไพรัชน์ นายศรราม ภูพลผัน นายหนุ่ย กระต่ายทอง และนายขวัญ ทองดี นั้น

                 ล่าสุดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันที่ 10 ตุลาคม 2561 พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รรท. รอง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายศรราม ภูพลผัน หรือ โจ อายุ 25 ปี ซึ่งภายหลังก่อเหตุ นายศรราม ได้ใช้รถยนต์ของบิดา ขับหลบหนีลงสู่ภาคใต้ เพื่อไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติในจังหวัดชุมพร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัวแล้ว คาดว่าจะควบคุมตัวถึง สน.ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 ตุลาคม และจะทำการสอบปากคำทันที

               สำหรับนายศรราม เป็นผู้ก่อเหตุฝั่งเดียวกับนายพรเทพ พุ่มพวง หรือ เพชร อายุ 23 ปี ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้อายัดตัวไว้ โดยขณะนี้ฝั่งนายพรเทพ ยังคงหลบหนีอีก 4 ราย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับฝั่งนายปรีชา ศักดิ์อุดมไพศาล หรือ ตั้ม อายุ 28 ปี จำนวนอีก 13 ราย รวมแล้วขณะนี้หลบหนีอยู่อีก 17 ราย อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้โดยเร็ว

               รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำ เจ้าตัวให้การภาคเสธ ว่าเป็นบุคคลตามกล้องวงจรปิด เดินตามหลังนายบำเพ็ญ หรือม็อก พุ่มพวง แล้วทำทีล้วงกระเป๋านั้น เจ้าตัวอ้างว่าเพียงแค่ล้วงข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด หลังจากเกิดเหตุได้หลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติ จ.ชุมพร ก่อนจะถูกตำรวจจับกุม