"วิระชัย" นำค้นโรงงาน"แคลโล"ลดอ้วนย่านจรัญสนิทวงศ์ พบมีส่วนผสมสารอันตราย "ไซบูทรามีน-ยาโรคซึมเศร้า-ยาดักจับไขมัน" ยึดของกลางเพียบ เจอหลักฐานจ้างดาราโปรโมทสินค้า
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเดินหน้าปราบปรามการลักลอบผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการใช้สารอันตราย “ไซบูทรามีน” (Sibutramine) เป็นส่วนผสม และมีการแสดงสลากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง ล่าสุด เข้าตรวจค้นบริษัทที่เป็นตัวแทนสั่งผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อ “แกลโล” (KALOW) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ที่บางพลัด กทม. ยึดของกลางได้จำนวนมาก เป็นการขยายผลหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม เข้าตรวจค้น บริษัท สยามเฮลท์แอนด์บิวตี้แคร์ จำกัด ที่ จ.สมุทรสาคร
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 พฤษภาคม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นำกำลังเข้าตรวจค้น บริษัท แกลโล ริช อินเตอร์ จำกัด ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 แยก 7 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น โดยบริษัทดังกล่าวสั่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ตรวจพบสารไซบูทรามีน
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว เนื่องจากสืบทราบว่าบริษัทนี้มีการจดทะเบียนในนามนิติบุคคล ว่าเป็นร้านค้าขาย-ปลีกอาหารเสริม และเป็นสถานที่เก็บสต็อกสินค้า โดยมีนายเจนสรรค์ เตชะสุริยะนันท์ เป็นกรรมการผู้จัดการ จากการเข้าตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์ยี่ห้อแกลโล จำนวน 700 กล่อง มูลค่าประมาณ 1,365,000 บาท สำหรับกรณีที่มีเพจแกลโลชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ลอตที่ตำรวจตรวจสอบเป็นผลิตภัณฑ์ปลอมนั้น เชื่อว่าเป็นหนึ่งในแผนการต่อสู้คดี โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
“จากการตรวจสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์แกลโลได้ขออนุญาต อย. โดยแสดงสูตร ส่วนผสมทุกอย่างถูกต้อง แต่เวลาผลิตจริงกลับผสมสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารอันตรายลงไปผสม ซึ่งถือว่ามีความผิด เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารที่ถูกเพิกถอนทะเบียน นอกจากนี้ ยังพบว่าผลิตภัณฑ์บางลอตนอกจากผสมสารไซบูทรามีนแล้ว ยังมีการผสมสารฟลูออกซิทีน(Fluoxetine) ซึ่งเป็นยารักษาภาวะโรคซึมเศร้า ผลข้างเคียงทำให้ไม่อยากอาหาร และบางลอตใส่ยา "ออริสแตท” (Oristat) ยาดักจับไขมัน เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้ระบบการขับถ่ายเสียระบบ อุจจาระมีปัญหา ท้องอืด” พล.ต.อ.วิระชัยกล่าว
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ได้เก็บตัวอย่างส่งไปตรวจสอบแล้ว จากนี้จะประสานกับตำรวจสืบสวนให้ได้ว่าบริษัทผู้ผลิตมีการนำยาแผนปัจจุบันมาได้อย่างไร และใส่ในปริมาณเท่าไร เนื่องจากตัวยาเหล่านี้ อย.จะควบคุมบริษัทที่ผลิตและจะจำหน่ายยาดังกล่าวให้แก่บริษัทที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม ผอ.สำนักด่านอาหารและยา อย. ระบุว่า นอกจากสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นอันตรายแล้ว อย.ยังได้เพิกถอนและไม่มีสารตัวนี้อยู่ในประเทศไทยแล้ว นอกจากนี้ยังพบสารเพิ่มเติมอีก 2 ชนิด ที่อยู่ในอาหารเสริมยี่ห้อนี้ด้วย คือ สารฟลูออกซิทีน ที่รักษาโรคซึมเศร้าทำให้ไม่อยากอาหาร และสารออริสแตท ซึ่งเป็นยาดักจับไขมันขับถ่ายในรูปแบบไขมัน ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดเป็นยาที่ใช้รักษาทางการแพทย์ หากบริโภคเข้าไปมากๆ เป็นอันตรายได้
เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่ามีการนำยามาจากที่ใด เนื่องจาก อย.ให้บางโรงงานที่ได้รับอนุญาตใช้เท่านั้น โดยยืนยันว่าสารทั้ง 2 ชนิดไม่อนุญาตให้ใส่ในอาหารเสริม ขณะที่การตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เจ้าของผลิตภัณฑ์นี้ได้มีการขออนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์ถูกต้อง แต่พบว่าปี 2017 มีการผสมสารดังกล่าวไปด้วย หลังจากนี้ทาง อย.จะตรวจสอบว่ามีสารปะปนอย่างไรบ้าง ปริมาณเท่าไร เพื่อจะดำเนินคดีกับนายเสุจนสรรค์ต่อไป
ผอ.สำนักด่านอาหารและยา ยังฝากเตือนถึงประชาชนด้วยว่า ทาง อย.ไม่เคยมีการรับรองผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีการอ้างสรรพคุณว่ากินแล้วผอมใน 3-7 วัน และใช้ชื่อบ่งบอกสรรพคุณเกี่ยวกับสลิม ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นอันตราย รวมถึงตั้งข้อสังเกตอาหารเสริมที่บริโภค ไม่ควรมีผลข้างเคียง เช่น อาการใจสั่น ไม่อยากอาหาร
ด้านนายมงคล ศรุตวราพงศ์ ผู้ดูแลบริษัท เปิดเผยว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีคนมาส่งของให้ที่นี่เรื่อยๆ โดยส่งให้สัปดาห์ละ 3,000 กล่องเล็ก ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ตนเองไม่ทราบว่าต้องทำอะไรต่อ เพราะมีหน้าที่เพียงดูแลเท่านั้น
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เข้าตรวจค้นบริษัทแกลโล ริช อินเตอร์ จำกัด ในหมู่บ้านไลฟ์บางกอกบูเลอวาร์ด แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 หลัง เป็นสถานที่บรรจุผลิตภัณฑ์ และ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อแกลโลแห่งที่ 2 โดยตรวจค้นพบกล่องเปล่าผลิตภัณฑ์ 268,200 กล่อง โดยหากมีการบรรจุตัวยาแล้วมูลค่าทั้งหมดกว่า 182 ล้านบาท ซึ่งวันนี้จะยึดกล่องผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไปทำลาย นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการว่าจ้างศิลปินดาราเป็นจำนวนมาก โดยจะรวบรวมทั้งหมดเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป ทั้งกับผู้เขียนสคริปต์และศิลปินดารา โดยเฉพาะศิลปินดาราที่โฆษณาพูดตามสคริปต์ก็ผิดด้วยเช่นกัน และจะอ้างว่าไม่พูดตามสคริปต์ไม่ได้ เพราะจะต้องรับผิดชอบในคำพูดด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง