"แม่น้องอิน" ทำใจลำบากลูกสาวดับ

          7 เม.ย. 61 - จากกรณี "น้องอิน” ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี อายุ 20 ปี อดีตนักแสดงเด็กชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ BMW รุ่น X1 สีขาว หมายเลขทะเบียน 5กบ-5248 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกลงไปข้างทางชนกับต้นจามจุรีขนาดใหญ่ เสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 9 บริเวณเชิงสะพานข้ามทางรถไฟ หลักกิโลเมตรที่ 79 มุ่งหน้าสระบุรี ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา  

          ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 7 เม.ย. นางลัดดา อุตตวัฒน์ (เชิดชูบุพการี) แม่ของน้องอิน ได้เดินทางมายัง สภ.บางปะอิน เพื่อเข้าพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนของคดี โดยมีสีหน้าอยู่ในอาการเศร้าโศก โดยได้พบกับ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน โดยนางลัดดา มาขอทำเร่องเพื่อที่จะไปรับศพลูกสาวที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต

          โดยนางลัดดา เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะทราบว่าลูกจะเสียชีวิต เวลาประมาณ 01.16 น. วันที่ 7 เม.ย. ได้โทรศัพท์หาลูกสาว สอบถามว่ากลับที่พักคอนโด ที่บางนา หรือยัง เนื่องจากก่อนหน้านั้นทราบว่าลูกสาวไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนๆ โดยจากการพูดคุยลูกสาวบอกว่าอยู่คอนโดที่บางนาเรียบร้อยแล้ว แม่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก จนกระทั่งมาทราบข่าวตอนเช้าว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็งงว่าลูกไปเสียชีวิตได้อย่างไร และทำไมวิ่งมาเส้นทางดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากอุบัติเหตุจริง เพียงแต่ไม่ทราบว่าลูกสาวไปเส้นทางนั้นทำไม

          ส่วนการเยียวยาเป็นไปตามมาตรฐานของประกัน ซึ่งผู้เสียชีวิตทำประกันภัย 2 บวกซุปเปอร์ไลฟ์ ซึ่งมีทั้งประกันรถยนต์ พ.ร.บ.และผู้เสียชีวิต จากนั้นนางลัดดา ผู้เป็นแม่ได้เดินทางไปดูจุดเกิดเหตุ ถึงกับร่ำไห้ เนื่องจากทำใจไม่ได้และสงสารที่ลูกต้องมาเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินทางไปรับศพลูกสาวที่ รพ.ธรรมศาสตร์ 
          พ.ต.อ.ฤทธิ์ ผกก.สภ.บางปะอิน เปิดเผยว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับแม่ของผู้เสียชีวิตยังทำใจไม่ได้ และไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่สงสัยว่าลูกไปเสียชีวิตตรงนั้นได้อย่างใด ในทางการสันนิษฐานก็เป็นไปได้ว่าผู้ตายไปส่งเพื่อนแล้วมาเส้นทางดังกล่าว เพื่อจะไปขึ้นมอเตอร์เวย์ หรือทางด่วน เพื่อกลับบางนา ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมีฝนตกลงมาอย่างหนักและถนนบริเวณที่เกิดเหตุลื่นมาก อาจจะเสียหลักบริเวณคอสะพาน อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนดูเรื่องวงจรปิดตามเส้นทาง และติดตามเพื่อนที่ไปด้วยสอบสวน และให้รอดูผลของนิติวิทยาศาสตร์ และกองพิสูจน์หลักฐานเรื่องความเร็วของรถด้วย ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์ก่อน.