รองโฆษกตร. โต้เพจดัง โพสต์ภาพ ผบ.ตร.ร่วมงานกีฬาโอลิมปิก

     ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีเพจ CSI LA ได้โพสต์ “ป้อมนาฬิกาไปดูโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ในฐานะเป็นประธานโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แล้วพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล มีหน้าที่จำเป็นอะไรถึงต้องเอาเวลาราชการ และเงินภาษีประชาชนไปดูโอลิมปิกที่เมืองพยองชางประเทศเกาหลีใต้ด้วย” สร้างความสับสนและบิดเบือนข้อเท็จจริงให้กับสังคม ทีมงานโฆษก ตร. ขอชี้แจง ดังนี้

      พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง ได้เดินทางไปให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทย ที่อยู่ระหว่างการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาว ครั้งที่ 23 ที่เมืองพยองชางประเทศเกาหลี เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา โดยการเดินทางดังกล่าวร่วมคณะไปกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ใช้งบประมาณของโอลิมปิกสากล โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้ ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ การเดินทางไปยังใช้เวลาในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เป็นระยะเวลาสั้น เพียงหนึ่งคืน ไม่เสียเวลาราชการแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นการเดินทางไปเที่ยวหรือพักผ่อนหรือผลาญงบประมาณตามที่ปรากฏในเพจดังกล่าวแต่อย่างใด

     รอง โฆษก ตร เปิดเผยต่อว่า การเดินทางไปครั้งนี้ในฐานะที่ท่านเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาไทย ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาระดับโลก คือนักเล่นสกีจำนวน 4 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกันควรจะร่วมยินดีกับนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยในครั้งนี้

     นอกจากการให้กำลังใจนักกีฬาในครั้งนี้แล้ว ผบ.ตร. ยังถือโอกาสศึกษาการรักษาความปลอดภัยการจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ซึ่งใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเกาหลีจากหลายภาคส่วน ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์อันดีที่จะได้นำรูปแบบการรักษาคสามปลอดภัยและการคัดกรองบุคคลแลพยานพาหนะมาปรับใช้กับประเทศไทยในอนาคต นอกจากนี้ยังได้แนวคิดในการติดตั้งอุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในจุดสำคัญๆ ต่างๆ เช่น สถานีรถโดยสาร สถานีรถไฟฟ้า สนามบิน และสถานที่ๆมีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก เพื่อนำแนวคิดมาปรับใช้ และยกระดับมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยของไทย ในการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก

     รองโฆษก ตร. ยังกล่าวต่ออีกว่า การโพสต์ข้อความที่มีลักษณะบิดเบือนในลักษณะนี้ ไม่ทราบว่าทางเพจมีเจตนาแอบแฝงอะไร ต้องการสร้างความสับสน ความแตกแยก หรือความเกลียดชัง เพื่อก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในสังคมหรืออย่างไร อยากให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนในวงการกีฬาร่วมกันร่วมกันประนามการกระทำดังกล่าว ที่มีลักษณะไม่สร้างสรรค์ ต่อสังคม และขอตั้งข้อสังเกตว่ามีเจตนาอะไรในการลงข้อความที่บิดเบือน ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานใดหรือไม่ เพื่อจะดำเนินการทางกฎหมายในทุกมิติต่อไป