ข่าว

ถึงบางอ้อ "หมอธี" เผยความพินาศของระบบการศึกษาไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมอธีระวัฒน์" ยกบทความที่เคยเขียนถึงความพินาศของระบบการศึกษาไทย เผยทำไมผลิตผลคนไทยในด้านคุณภาพ ปัญญา ความคิด ถึงหดหู่ไปมาก

 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า แค่เอาตัวรอดไปวันๆก็เก่งแล้ว ความพินาศของระบบการศึกษาไทย

 

ถึงบางอ้อไปตามๆกัน ว่าทำไมผลิตผลคนไทย ในด้านคุณภาพ ปัญญา ความคิด ถึงหดหู่ไปมาก ทำไมคนไทยปัจจุบันทำงาน "เสร็จ" อย่างเดียว แต่ไม่เคย "สำเร็จ"

 

จริงๆ ข้อสอบ โอ-เน็ท ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิชาวิทยาศาสตร์ เช่น ชาวบ้านเจอวัตถุประหลาด กลมๆ นิ่มๆ ต้องให้กินน้ำ ไม่งั้นจะหดเล็กลงเป็นก้อนแข็ง พอให้น้ำกลับมีสภาพเดิม ก.ไข่พญานาค ข.ไข่ซาลาแมนเดอร์ ค.หินเขี้ยวหนุมาน ง.เม็ดชานมไข่มุก จ.เจลดินวิทยาศาสตร์

 

อ่านข่าว "หมอธี" ขอร้องคนไทยเข้มสู้โควิด ไม่งั้นต้องนับหนึ่งใหม่ตลอดไป

 

 

เหลียวมองไม่ต้องไกลถึงฝรั่งมังค่าที่คิดจะเทียบเคียงข้าง เอาแต่ประเทศเพื่อนบ้านเอเชีย ถึงกับมีหนังสืออ่านพิเศษ เช่น วารสาร Scientific American ที่มีนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทินำเรื่องที่ตนเองทำ บางรายได้รางวัลโนเบล มาเล่าให้ฟังอย่างง่ายและเป็นแรงบันดาลใจให้คิดเป็น รู้จักคิด และประยุกต์ใช้ความรู้รอบตัวให้เกิดประโยชน์ หรือแม้แต่ระดับอุดมศึกษา เช่น นักเรียนแพทย์ การอ่านวารสารทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เช่น นิวอิงแลนด์ เจอนัล (New England Journal of Medicine) เป็นเรื่องปกติสัปดาห์ละ 1 เล่ม และเป็นการทราบความเป็นไปทางการประพฤติ ปฏิบัติในสาขาของแพทย์ และการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในทางการแพทย์

 

แต่ในเมืองไทยการอ่านวารสารในระดับนิสิตกลับถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เป็นเรื่องที่มองเป็นการบลั๊ฟกัน หรือเป็นของโก๋เก๋ ทั้งๆที่วิทยาการก้าวหน้ากันทุกๆนาที แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารการสอนหรือตำราภาษาไทยอย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ทันการณ์ การที่ไม่สามารถเท่าทัน รู้ทัน เหตุการณ์ รอบข้าง และเป็นที่มาของการถูกหลอกให้ใช้ยาผีบอก เฮ็งซวย เสียเงิน (ของคนไข้) เสียเงินงบประมาณของประเทศชาติ

 

ส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่องภาษา ที่ขณะนี้จับพูดภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่งูๆปลาๆกันทั้งชั้น ตั้งแต่มีการปฏิวัติการเรียน การสอนภาษาอังกฤษกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี ทำไมจึงเห็นทักษะภาษาอังกฤษตกต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งๆที่ผู้เขียนเรียนภาษาอังกฤษแบบโบราณ ยังพอพูดอ่าน เขียนได้ และแสวงหาเพิ่มเติมจากการอ่านเอง ฟัง ดูหนัง ดูทีวี

 

รวมๆแล้วต้องเกิดความผิดปกติอาเพทของระบบการศึกษาของไทย อย่างน้อย 15-20 ปีขึ้นไป ทางแกของกระทรวงศึกษายังยัดเยียดชั่วโมงสอนอัดแน่นไปหมด ตั้งแต่ประถม มัธยมศึกษา แถมเด็กยังมีการบ้านจากทุกวิชา เนื่องจากครูทุกวิชาต้องถูกประเมินการสอน ต้องให้การบ้านนักเรียนด้วย เด็กยังต้องเรียนพิเศษ ติว สอบเข้า เสริมทักษะ เรียนดนตรี วาดเขียน ว่ายน้ำ จิปาถะ แถมแรงดันจากพ่อแม่ ปู่ ยา ตา ยาย ให้เป็นเด็กวิเศษ เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล การศึกษาพฤติกรรมของเด็กสมัยนี้ ต้องประเมินความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในระบบการศึกษาด้วย ที่หล่อหลอมให้เด็กเป็นหุ่นกระป๋อง รีบทำงานให้เสร็จ

 

ยกตัวอย่างอีกข้อ วิชาสุขศึกษา โอ-เน็ต เป็นแฟนกันต้องทำอย่างไรให้ถูกประเพณีไทย ก.เดินโอบไหล่ ซื้อของ ข.ชวนไปทานข้าวดูหนัง ค.นอนหนุนตักในที่สาธารณะ ง.ชวนกันไปทะเลค้างคืน จ.ป้อนข้าวกันในร้านอาหาร

 

 

หมอโพสต์ในเฟซบุ๊กมีเพื่อนๆเข้ามาเม้นท์ (comment) กันเยอะ ที่สำคัญคือมันเป็นสุขศึกษาตรงไหน หลักสุขศึกษาตั้งแต่โบราณกาลสอนแล้วสอนอีก ท่องจำขึ้นใจ เห็นประโยชน์แท้จริง ตอนไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาด คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ไอปิดปากจมูก ไม่ถ่มน้ำลายเสมหะ อยู่ห่างจากผู้ป่วย เหล่านี้ง่ายๆ ในการสอน

 

โดยต้องให้ซึมซับว่าเชื้ออาจจะถ่ายทอดผ่านฝอยละอองจากไอจาม (Droplet Transmission) บางเชื้อมาตามอากาศ (Aerosol หรือ Air-Borne) เชื้อโรคจากไอจาม ตกหล่นมาที่พื้นผิว โต๊ะ เก้าอี้ ประตู เอามือไปสัมผัสต้องล้างมือ กินอาหารสะอาดสุก

 

เป็นร้อยปีที่คนไทยตายป่วยจากท้องร่วง เชื้อจากอาหารไม่สุก เกิดมะเร็งในท่อน้ำดี เกิดพยาธิไชเข้าสมอง มีแบคทีเรียเข้าเยื่อหุ้มสมองตายและบางรายพิการ ทำหน่อไม้ปิ๊บ เวลางัดปิ๊บเอามากิน ไม่ต้มอีกครั้งเพราะไม่กรอบ เลยกินพิษของแบคทีเรีย อ่อนแรง แขนขา ไม่หายใจ เจ็บตายเป็นร้อย

 

หลักสุขศึกษาง่ายๆเหล่านี้ โดยอธิบายให้เข้าใจที่มาของหลักปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ต้องกระทำและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้มหาศาล แต่สอนและออกข้อสอบโง่ๆ รวมทั้งสอนว่า แปะก๊วยช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม คนเขียนหลักสูตรก็โง่งมงาย เชื่อโฆษณาทั้งๆที่รู้กันทั้งโลกว่า สารสกัดใบแปะก๊วยไม่ช่วยรักษา ชะลอโรคอัลไซเมอร์ และไม่กระตุ้นสมองผู้ที่เป็นโรคด้วยซ้ำ การที่ไม่รู้แม้กระทั่งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ความเหมาะสมของบทเรียนที่สามารถจะนำมาใช้ประโยชน์คล้องจองในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ จัดเป็นความล้มเหลวพินาศของกระทรวงศึกษา

 

เคยเล่าให้ฟังถึงกระบวนการสอนของโรงเรียนประชาบาลของฟิลิปปินส์ ซึ่งเนื้อหาผ่านการกลั่นกรองมาจากคณะกรรมการการศึกษาของชาติ เป็นการบูรณาการ แถมสนุกเวลาเรียน นักเรียนมีส่วนร่วม ครูถาม นักเรียนแย่งกันยกมือ แย่งกันตอบ ถูกผิดไม่ว่า แต่แสดงเหตุผลว่าทำไมตอบเช่นนั้น คนตอบถูก ไปเขียนกระดานดำ ด้วยชอล์ก นะครับ ไม่ใช่ใช้ไวท์บอร์ด ปากกาเมจิกลบได้ หรือใช้คอมพิวเตอร์ แทบเบล็ต

 

มิหนำซ้ำยังมีสัปดาห์สุขภาพ มีบอร์ดบอกอาหารที่ต้องกิน ผักผลไม้ ทำไมต้องกิน นักเรียนทำสถิติคนตายจากโรคหัวใจ และยังมีสัปดาห์ภัยพิบัติ แสดงให้เห็นการระวังตัวขณะเกิดภัย นี่คือประถมปีที่ 1 ถึง 4 นะครับ เด็กๆกลางวัน เดินกลับไปบ้านกินข้าว เพราะไม่มีทุนทรัพย์มาก ที่ห่อข้าวมากิน มีที่ล้างจาน ช่วยกวาด ถู ห้องเรียน มีกีร์ต้าร์จิ๋ว อูคคูลิลิ่ เล่นคลอ เวลาตอบปัญหาถูก ทั้งหมดไม่ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง แต่มีความรู้เต็มเปี่ยม เวลาผ่านไปบ่ายสองโมงครึ่ง เด็กเดินกลับบ้านร้องเพลง เตะบอลล์ เล่นกีฬา อนิจจาเด็กไทยเรียนจนเย็นจนค่ำ ทำการบ้านต่อ เรียนพิเศษอีก

 

ใครบ้างบอกได้ นับว่าทำบุญต่อประเทศชาติ ระบุตัวคนจัดหลักสูตร ออกข้อสอบระดับประถม มัธยม รวมทั้งเจ้ากระทรวงรับผิดชอบจะได้ส่งกลับบ้านไปเลี้ยงแมว (ไม่รู้ว่าเลี้ยงรอดหรือเปล่า) แล้วถ้าเรียนกันมั่วซั่วอย่างนี้ จะมาแก้กันที่ปลายทางระดับมหาวิทยาลัย มันสายไปชาติหนึ่งแล้วครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าเห็นว่ามนุษย์ที่จัดระบบการศึกษาแบบนี้ มีความดีความงามล้ำเลิศ ก็ไห้เสนอไปเป็นกรรมการสอบโอลิมปิกสากลไปเลย

 

Cr. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

 

ถึงบางอ้อ "หมอธี" เผยความพินาศของระบบการศึกษาไทย

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ