ข่าว

คลั่งยิงปืนกว่า 40 นัดกลางเมืองกรุงชาวบ้านหนีอลหม่าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เครียดปัญหาครอบครัว - ธุรกิจ ชายวัย 44 คลั่งยิงสนั่นกรุง ชาวบ้านหนีอลหม่าน "บิ๊กแดง" สั่งสางธุรกิจสีเทาในค่ายทหาร ลั่นฟันไม่เลี้ยง

 

              ขณะที่คนไทยยังคงไม่หายตื่นตระหนกกับเหตุความรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา ที่กลายเป็นฝันร้ายของคนทั้งประเทศนำมาสู่ความสูญเสียทั้งชีวิตและจิตใจครั้งสำคัญของประเทศ กลับปรากฏเหตุหนุ่มใหญ่คลุ้มคลั่งจากปัญหาครอบครัวและธุรกิจ นำอาวุธปืนมายิงในที่สาธารณะกลางกรุงเป็นเวลาหลายชั่วโมง สร้างความอกสั่นขวัญหายให้ชาวบ้านในพื้นที่อย่างยิ่ง

 

 

 

              เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมอาคารพาณิชย์ ตั้งอยู่ภายใน ซอย จุฬาฯ 10 ถนนบรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ หลังจากมีเสียงปืนดังขึ้นกว่า 20 นัด เบื้องต้น พบว่าที่เกิดเหตุเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬา สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 40 ปี นำเอาปืนมายิงออกนอกบ้านเมื่อประมาณเวลา 04.00 น. และยิงต่อเนื่องมาจนถึงเช้า

              ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเข้ามา โดยงเจ้าหน้าที่และญาติได้เข้าไปเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุ พร้อมให้วางอาวุธปืน แต่ก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวัง ต่อมาทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายเอกชัย จารึกศิลป์ อายุ 44 ปี ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านเกิดความแตกตื่นเพราะเพิ่งเกิดเหตุกราดยิงที่โคราชมาไม่นาน

 

 

 

              ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผบช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ “หน่วยอรินทราช 26” ที่เคยเข้าปราบปรามเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ได้เข้าพื้นที่เพื่อระงับเหตุดังกล่าวแล้ว

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.40 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน สามารถเกลี้ยกล่อมและเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้แล้ว โดยนำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนที่ สน.ปทุมวัน ทราบว่านายเอกชัยได้เริ่มยิงตั้งแต่ช่วงเวลา 03.30 น. เรื่อยมาจนหยุดยิงเมื่อเวลา 05.00 น. โดยครอบครองอาวุธปืนที่จดทะเบียนทั้งหมด 4 กระบอก และจะเสนอขอเพิกถอนใบอนุญาตถือครองปืนทั้งหมด เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อประชาชน

 

 

 

              เบื้องต้น จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาพบว่าสาเหตุมาจากปัญหาครอบครัวและการค้า จากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม โดยจะแจ้ง 2 ข้อหา คือ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะและยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ

              ด้าน พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเป็นคนชื่นชอบอาวุธปืนและเคยไปซ้อมยิงบ้าง เรียกได้ว่ามีทักษะพอสมควร แต่ที่ก่อเหตุเป็นเพราะความเครียด ทั้งนี้ไม่เคยพบประวัติการก่อเหตุมาก่อน ส่วนการเก็บหลักฐานเบื้องต้นพบปลอกกระสุนประมาณ 50 ปลอกตกอยู่รอบที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามต้องสอบปากคำถึงเจตนาเพิ่มเติมเพราะพยานที่เกิดเหตุอยู่ในวิถีกระสุนปืน แต่เจ้าตัวอ้างว่าไม่มีเจตนายิงผู้ใด

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายเอกชัยไปที่ รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจหาคราบเขม่าปืนและตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดอย่างละเอียด

              ด้าน นายพงศกร ทองดี อายุ 20 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยจุฬาฯ 10 เล่าเหตุการณ์นาทีระทึกว่าขณะเกิดเหตุ ตนและกลุ่มเพื่อนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่ลานจอดรถตามปกติเหมือนทุกวัน จากนั้นเวลาประมาณ 04.00 น. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ซึ่งไม่ทราบว่าดังมาจากทิศทางใด พวกตนรีบวิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ผู้ก่อเหตุได้ยิงปืนมาที่เพื่อนของตน ยังโชคดีที่หลบทัน

              ทางด้านความเคลื่อนไหวภายหลังเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราสีมา แหล่งข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้สั่งการไปยัง พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุดโดยชุดแรกจะให้ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก เข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับสวัสดิการของกำลังพล ร้านค้าสวัสดิการ รวมถึงธุรกิจในค่ายทหารทั้งหมด ซึ่งหากพบผิดปกติจะต้องรายงานให้ทราบทันที ส่วนชุดที่สองให้ พล.ท.อยุทธ์ ศรีวิเศษ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก รับผิดชอบในการดำเนินการกับกำลังพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจในค่ายทหาร

 

 

 

              นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ย้ำให้ตรวจสอบทุกโครงการภายใต้การขับเคลื่อนงานของกองทัพบก ซึ่งหากพบข้อพิรุธหรือผิดปกติจะสั่งให้ยุติทันที ซึ่งเบื้องต้นเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกได้รายงานเกี่ยวกับธุรกิจในค่ายทหารต่อ ผบ.ทบ. แล้ว โดยได้สรุปจากทุกกองทัพภาคพบว่ามีธุรกิจในค่ายทหารที่จะต้องบูรณาการเป็นเชิงพาณิชย์รวมประมาณกว่า 40 แห่ง ซึ่งในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผบ.ทบ. จะร่วมลงนามกับกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ รวมถึงจะชี้แจงผลคืบหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดระเบียบพื้นที่ต่างๆ ของกองทัพบก ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์รับเรื่องร้องเรียนที่กำลังพลได้รับผลกระทบ

              ด้าน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ชี้แจงกรณีอดีตกำลังพลกองทัพอากาศร้องเรียนสื่อระบุถูกนายทหารที่เป็นผู้บังคับบัญชา สังกัดกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ปลอมชื่อกู้สินเชื่อทำให้เงินเดือนเหลือเพียง 73 บาท จนไม่มีเงินทำศพแม่ว่า เป็นเรื่องเก่า ได้สั่งการให้ลงโทษดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการไล่ออกจากราชการ เรื่องจบไปเป็นปีแล้ว

 

 

 

              ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมมีมติจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิตจำนวน 27 ราย ไม่ครอบคลุมผู้ก่อเหตุและคู่กรณี 3 ราย รายละ 1 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 2 แสนบาท และผู้บาดเจ็บไม่สาหัส รายละ 1 แสนบาท คาดว่าจะใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 37 ล้านบาท น่าจะได้รับมอบเงินอย่างช้าไม่เกินวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นอกจากนี้จะจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น งานอีเวนท์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬา การดนตรี งานสัมมนา เป็นต้น โดยรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เพื่อเรียกขวัญกำลังใจชาวโคราชด้วย

 

 

 

              ที่ ศูนย์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมช่วยเหลือผู้เสียชีวิตผู้บาดเจ็บ ระบุว่า ช่วงเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ขอเชิญประชาชนร่วมทำบุญเมืองโคราชตักบาตรพระสงฆ์ 1 หมื่นรูปที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จากนั้นเป็นกิจกรรมรินน้ำใจชาวโคราชจะเดินเท้าไปที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ช่วงเวลา 10.00 น. และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ หลังเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพครอบครัวนายสุริยะ ลิมป์รัชตามร ซึ่งเสียชีวิตรวม 3 ศพ ทั้งภรรยาและลูกชายวัย 1 ปี ที่วัดสุทธจินดาวรวิหาร ในเวลา 16.00 น. จะปิดบัญชีทันที

              ที่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือให้ตรวจสอบ 5 ประเด็นเหตุกราดยิงโคราช โดยขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ถึงมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ