ข่าว

เปิดนาทีระทึก รอดชีวิต ทรมาน หวาดกลัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้รอดชีวิตกราดยิงเล่านาทีหนีตาย ทรมาน กลัวสุดชีวิต

 

               ผู้รอดชีวิตเหตุกราดยิงในห้างโคราชเล่านาทีระทึกหนีตาย ชายหนุ่มหลบในแบงก์กว่า 10 ชีวิต ต้องเงียบที่สุดปิดไฟหมด ส่วนแม่ค้าขายมือถือพร้อมลูกน้อย 2 คนหลบซ่อนในห้องน้ำคนพิการก่อนย้ายไปซ่อนร้านอะไหล่กว่า 6 ชม. ชื่นชม รปภ.ช่วยรอด ขณะที่สาวรอดชีวิตชุดแรกที่ จนท.เข้าไปช่วย โพสต์สุดกลัวเผยคนก่อเหตุเดินหาคนซ่อนตัวทุกชั้นแถมเปิดเพลงฟังตลอดเวลา

 

อ่านข่าว รวบโจ๋นักมวย เลียนแบบทหารกราดยิงโคราช

 

               ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญทหารคลั่งกราดยิงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และห้างเทอร์มินอล 21 โคราช เล่านาทีระทึกกระทั่งเอาตัวรอดมาได้

 

               เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายสราวุธ เพชรขุนทด หรืออ๊อฟ หนึ่งในผู้ติดอยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ในรายการเก็บตกจากเนชั่นทางช่อง 22 ถึงนาทีหนีตายว่า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ตนไปทำธุระในห้างประมาณห้าโมงเย็นได้ไปที่ชั้น 2 โซนธนาคาร เหตุการณ์ก็เริ่มเกิดขึ้นแต่ตนไม่รู้และมารู้ตอนอ่านทางสื่อออนไลน์ และเมื่อออกมาจากธนาคารก็เห็นคนเริ่มวิ่งหลบหนีกันแล้ว มีคนตะโกนบอกมีการยิงกันหน้าห้าง ก็ขอให้คนที่อยู่ในธนาคารออมสินช่วยเปิดประตูเข้าไป หลบอยู่นานกว่าจะออกมาก็เกือบเที่ยงคืน 

 

               ซึ่งในนั้นเราไม่รู้ความเคลื่อนไหวของคนร้ายเลย ทราบจากออนไลน์ที่มีการแจ้งความเคลื่อนไหว ตรงนั้นก็มีพนักงานและคนอื่นกว่าสิบคนและมีเด็กหญิงอยู่ด้วย เราอยู่ในความมืดปิดไฟปิดเสียงมือถือหมด ตอนนั้นกลัวมาก ก็พยายามไม่ให้แสงเล็ดลอดหรือมีเสียงออกไป ไม่ให้คนร้ายรู้แหล่งหลบซ่อนและแจ้งสถานที่ไปให้คนรู้จักช่วยเหลือ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มาเคาะถามและช่วยเราออกทางหนีไฟจนปลอดภัย

 

               ด้าน น.ส.ชาญนิสา ผลภักดี หรือปู แม่ค้าขายโทรศัพท์มือถือ อยู่ชั้น 3 เทอร์มินอล 21 บอกเล่าถึงเหตุระทึกครั้งนี้ว่า วันเสาร์เป็นวันหยุดก็พาลูกคนเล็กไปด้วย ส่วนคนโตไปเรียนก่อนมาที่ร้าน ตอนนั้นประมาณสี่โมงสิบนาทีก็มีผู้คนตะโกนและในโซนมือถือก็กรีดร้องให้หาที่หลบ และได้ยินเสียงปืนรัวมาตลอดเวลา ตอนนั้นลูกคนเล็กหลับอยู่ก็กระชากตัวมาไว้ในอ้อมอกเลย ส่วนคนโตขอลงไปชั้น LG ไปซื้อไอติม 

 

               ตอนนั้นก็กรีดร้องเพราะลูกสาวคนโตยังไม่มา แต่แล้วลูกคนโตก็โผล่มาบอกว่าไปซื้อชานมที่ชั้น 3 ไม่ได้ลงไปชั้นล่าง จึงรีบพากันไป มีเพื่อนๆ แถวร้านและคนอื่นก็พากันไปที่ห้องน้ำคนพิการของชั้น 3 ที่ไม่เลือกเข้าห้องน้ำธรรมดาเพราะมีช่องว่างข้างล่างมองเห็นขาได้ ส่วนลูกคนเล็กเพิ่งตื่นทำอย่างไรให้ลูกเงียบก็เลยเปิดนมให้ลูกกิน ที่นั่นมีคนแอบอยู่เป็นสิบคนอัดกันอยู่ ซึ่งก็มีเสียงปืนตลอดใกล้มาก 

 

               จากนั้นก็ย้ายเพราะไม่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณร้านขายอะไหล่ที่มีประตูเหล็กแบบรีโมตและโชคดีที่มีห้องสต็อกเก็บของก็พากันไปอัดอยู่ในนั้น ก็แอบอยู่เกือบ 5 ชม. อึดอัดมากแต่ต้องทน ทุกคนก็หลอกล่อน้องไม่ให้ส่งเสียง อยู่กันจนเวลา 22.00 น. ตอนนั้นพวกเราช่วยกันเองโดยที่ร้านมือถือติดกล้อง เราเช็กตลอดเห็นคนคลานหมอบวิ่งตลอด ก็พยายามติดต่อว่าคนร้ายอยู่ไหน ชั้นไหน เพราะนอกจากมีปืนเห็นบอกว่าคนร้ายมีระเบิดด้วย โชคดีมากที่พี่รปภ.มาพาพวกเราออกไปทุกคน พาออกหลายรอบ โดยแบ่งงานกันช่วยเหลือ รปภ.คนนี้พาส่งให้ชั้น 2 อีกคนพาส่งชั้น 1 และเมื่อออกจากห้างได้วิ่งหนีไปไกลมาก

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของผู้ประสบเหตุรายหนึ่งเป็นหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ภายในห้างเทอร์มินอล 21 เล่าเหตุการณ์ว่า เป็นคนกลุ่มแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัว โดยเข้าไปในห้างสัก 6 โมงเย็น วันนั้นคนเยอะมาก เพราะเป็นวันเสาร์ ระหว่างกำลังเดินไปประตูทางออก พร้อมชานมไข่มุกที่ซื้อจากชั้น LG และผ้าเช็ดตัวนาโนที่ซื้อจากร้านของ 3 พ่อแม่ลูก นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ซื้อของกับเขาและได้คุยกับเขา ระหว่างถึงทางออก อยู่ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าทางออกก็พากันวิ่งเข้ามา รปภ.วิ่งมาบอก น้องไปหาที่หลบ มีคนยิงกัน ซึ่ง รปภ.คนนั้น ต่อมาทราบชื่อว่า นายอำนาจ บุญเกื้อ เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตเช่นกัน พี่เขาทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย

 

               ตอนนั้นพยายามตั้งสติและคิดว่าจะเข้าไปหลบในห้องน้ำหญิงหรือหลบอยู่ในร้านที่มีประตูเหล็ก จังหวะนั้นมีพนักงานร้านกวักมือเรียกให้รีบเข้ามา “น้อง มานี่” เราเลยได้เข้าไปหลบที่ร้านเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง (ใกล้ๆ อีฟแอนด์บอย ซึ่งตอนนั้นคนกรูเข้าไปหลบในอีฟแอนด์บอยเยอะมาก) มีคนหลบอยู่ 3 คน พนักงาน 2 คน และเรา 1 คน จนกระทั่งน้องพนักงานเล่นโซเชียลแล้วเอาข่าวมาให้ดู ผู้ก่อเหตุตั้งใจจะฆ่าทุกคนที่เจอในห้าง ชีวิตเราไม่ปลอดภัยแล้ว

 

               ช่วงที่ทรมานและลุ้นระทึกที่สุด ในข่าวบอกว่าผู้ก่อเหตุอยู่ชั้น 4 แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เขาเดินตามหาคนซ่อนตัวทุกๆ ชั้น ตั้งแต่ชั้นใต้ดินจนถึงชั้น 4 แล้วก็เดินวนกลับมาใหม่ ทุกครั้งที่เขาเดินจะมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ตลอด พร้อมกับเสียงดนตรีในโทรศัพท์ เดินไปเปิดเพลงไป แต่มันช่วยให้เราทราบว่าตอนนี้เขาเดินอยู่ตรงไหน อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ผู้ก่อเหตุเดินผ่านร้านที่เราซ่อนตัวอยู่ 2–3 ครั้ง เราพยายามเงียบให้มากที่สุด

 

               เวลา 21.00 น. ผู้ก่อเหตุเริ่มทราบว่ามีหลายคนที่หลบอยู่หลังประตูเหล็ก เขาเริ่มยิงใส่ประตูเหล็กเรื่อยๆ เป็นระยะๆ และตะโกนว่า “มีใครอยู่มั้ย” โดยเฉพาะในชั้น LG ได้ยินถี่มาก สุดท้ายทราบว่ามีคนเสียชีวิตเยอะมาก จนกระทั่ง 21.10 น. เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามาจะเข้ามารับตัว เราส่งพิกัดร้านไปให้ ในใจคิดว่ารอดแล้วๆๆ หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่มาจริงๆ พร้อมกับผู้ประสบเหตุอีก 4 คน ให้พวกเราอยู่ตรงกลาง ส่วนเจ้าหน้าที่จะล้อมเอาไว้ ก่อนเดินไป เขาสั่งให้เราปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด มันยังดังก้องในหูจนถึงตอนนี้ “หมอบ” “วิ่ง” และประโยคสุดท้าย “ถ้าเกิดอะไร ห้ามหยุด ห้ามนิ่ง วิ่งอย่างเดียว ถ้าเห็นใครโดนยิง ไม่ต้องช่วย เอาตัวเองให้รอดก่อน” เจ้าหน้าที่สีหน้าเคร่งเครียดมาก

 

               และทันทีที่เริ่มอพยพ ทุกอย่างก็ชัตดาวน์ ไฟดับ พรึ่บ! เจ้าหน้าที่ตะโกนว่า วิ่ง เสียงปืนจากด้านบน ไล่หลังพวกเรามาเลย เจ้าหน้าที่ก็ตะโกน วิ่งๆๆๆ หมอบๆๆๆ วิ่งไปแบบมืดๆ มีเพียงแสงไฟจากอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ช่วยนำทาง ผู้ก่อเหตุสาดกระสุนลงมาแบบไม่ยั้งเลย พวกเราวิ่งไปในความมืดภายในห้างเรื่อยๆ จนออกมาจากประตูด้านหลังมีเจ้าหน้าที่คอยรับอยู่ด้านนอก 

 

               สรุปชุดแรกที่เข้าไปรับรอดกลับมาทุกคน คืนนั้นทั้งคืน รถพยาบาล รถตำรวจ เสียงกระสุนดังอยู่เป็นระยะๆ มีทั้งคนเจ็บ และคนตาย เรากลับมาบ้าน แม่มายืนหน้าประตู แม่วิ่งเข้ามากอด ร้องไห้เลย เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนราคาแพงของเรา ของหลายๆ คน และของทุกภาคส่วนจริงๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยเรา ขอบคุณพี่อำนาจที่ช่วยเราแบบไม่คิดชีวิต หลับให้สบายนะคะ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ