ข่าว

17 ชั่วโมง ปฏิบัติการยุติระทึกเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

17 ชั่วโมงระทึก! อรินทราช บุก ปลิดชีพจ่าคลั่ง ยอดตาย 27 เจ็บ 57 บิ๊กตู่สั่งเยียวยา

 

               ตร.วิสามัญฯ “จ.ส.อ.” คลั่งกราดยิงที่โคราช หลังปฏิบัติการไล่ล่าปิดล้อม 17 ชม. ยิงดับหน้าห้องเย็นชั้นใต้ดิน เผยยอดเสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บ 57 คน “บิ๊กตู่” สั่งเร่งเยียวยาพร้อมกำชับเป็นบทเรียนต้องไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีก ยันไม่ได้ล่าช้าต้องดูความปลอดภัยผู้ติดอยู่ในห้าง ด้านญาติเหยื่อร่ำไห้รับศพ ยธ.ตั้งศูนย์เยียวยา ขณะที่สถานทูตสหรัฐออกแถลงการณ์เสียใจอย่างสุดซึ้ง

 

อ่านข่าว เช็กรายชื่อ เหตุระทึกเมืองโคราช ดับ 30 เจ็บ 32

 

               ความคืบหน้ากรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามที่ชิงมาจากค่ายทหารไล่ยิงประชาชนเสียชีวิตนับสิบราย และบุกเข้าไปกราดยิงหน้าห้างเทอร์มินอล 21 กลางเมืองโคราช และเข้าไปภายในห้างจนเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมและเกิดยิงปะทะกันหลายครั้งภายในห้างตลอดคืนที่ผ่านมานั้น

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ มีรายงานแจ้งว่า จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมแล้ว โดยปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของทีมหนุมาน หน่วยอรินทราช กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 รอ. และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้สนธิกำลังเข้าเคลียร์ตามห้องต่างๆ ภายในห้างเทอร์มินอล 21 กระทั่ง ทีม ฉก.ทม.รอ.904 จำนวน 7 นายได้เข้าเคลียร์ในห้องเย็นซึ่งอยู่ติดกัน 2 ห้อง เมื่อช่วงเวลา 08.30 น. 

 

               โดยในห้องแรกพบตัวประกันถูกยิงได้รับบาดเจ็บจึงเข้าช่วยเหลือ จึงถูกคนร้ายที่แอบอยู่ในห้องติดกันยิงใส่ เจ้าหน้าที่จึงยิงวิสามัญฆาตกรรมจนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดหรืออีโอดีเข้าตรวจสอบหาวัตถุระเบิดที่คนร้ายอาจติดตั้งเอาไว้ ทั้งนี้มีคลิปขณะเจ้าหน้าที่เข้าล้อมจับและวิสามัญฯ คนร้ายเผยแพร่ออกมาด้วย

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ภาพ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3 พร้อมทีมงาน ขณะลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา

 

             จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการเปิดห้องเย็นพื้นที่เกิดเหตุยิงวิสามัญฯ เพื่อตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ พบศพจำนวน 3 ศพ ได้แก่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ เสียชีวิตในสภาพถูกยิงเข้าที่ศีรษะ สวมชุดเกราะ ที่มือยังกำปืนไว้แน่น และข้างกายยังคงมีอาวุธปืนสงครามที่ใช้ในการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตกอยู่ พร้อมปืนพกและกระสุนตกเกลื่อนพื้น 

 

               นอกจากนี้ยังพบศพของประชาชนอีก 2 ศพ เป็นหญิง 1 ศพ และชาย 1 ศพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจสอบภายในลานจอดรถชั้นใต้ดิน พบรถฮัมวีที่คนร้ายใช้ขับหลบหนี ตรวจสอบภายในพบปืนไรเฟิล อาวุธปืนลูกซอง และกระสุนปืนอีก 2 กล่องใหญ่

 

               ต่อมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สสจ.นครราชสีมา แถลงความคืบหน้าเหตุการณ์

 

               พล.ต.ท.พูลทรัพย์​ กล่าวว่า ได้ยุติการกระทำผิดของผู้ก่อเหตุได้แล้ว อยู่ในขั้นตอนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียและญาติพี่น้อง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น สำหรับตำรวจขณะนี้ก็ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องการจับกุม ช่วยเหลือประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว

 

               จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตคร่าวๆ ประมาณ 20 ราย ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ครั้งสำคัญ จากการปฏิบัติของตำรวจครั้งนี้ ผบ.ตร., รอง ผบ.ตร. ได้ลงมาดำเนินการด้วยตัวเอง และมีหน่วยพิเศษของ สตช.ลงมาร่วมปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นกองปราบปรามและหน่วยต่างๆ เกือบ 10 หน่วย

 

               พล.ท.ธัญญา กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้กระทำการรุนแรงหรือใช้อาวุธที่ติดตัวมาทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ จนกระทั่งบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และได้แย่งชิงรถจี๊ป รถทางราชการ และปืนเอชเค 33 พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ออกมาก่อเหตุในครั้งนี้ 

 

               ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา ทภ.2 ได้จัดกำลังส่วนหนึ่งร่วมปฏิบัติการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแก้ไขปัญหาจนลุล่วง ยุติสถานการณ์โดยได้เข้าปิดล้อมจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้กระทำการอุกอาจ เป็นภัยอย่างยิ่งต่อบุคคลอื่น ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชน อันถือเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงและไม่สามารถยอมรับได้

 

ยอดดับ27บาดเจ็บ57เร่งเยียวยา

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.59 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบพบศพอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของห้าง จำนวน 7 ศพ ประกอบด้วย บริเวณด้านหน้าฟู้ดแลนด์ 1 ศพ เป็นคนร้าย, บริเวณที่เก็บของแช่เย็น 3 ศพ เป็นพ่อแม่ลูก อายุ 2 ขวบ ที่เข้าไปซ่อนตัวอยู่บริเวณดังกล่าว, บริเวณชั้นขายของฟู้ดแลนด์ 2 ศพ และเสียชีวิตคารถยนต์ที่ถูกไฟไหม้บริเวณที่จอดรถอีก 1 ศพ

 

               ขณะเดียวกัน ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเยี่ยมผู้บาดเจ็บว่า ติดตามสถานการณ์และรับทราบรายงานสถานการณ์มาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวานตนกังวลในเรื่องการใช้กำลัง ได้กำชับให้ใช้มาตรการที่เหมาะสมคำนึงถึงประชาชน การทำงานไม่ใช่เราไม่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องคำนึงถึงการช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยมากที่สุด เพราะในอาคารในห้างมีซอกมุมจำนวนมาก

 

               “เมื่อคืนผมติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งคืน มีคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลสถานการณ์ มีการดำเนินการตามขั้นตอนในทุกระดับดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด มั่นใจในเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และต้องไม่มีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น” นายกฯ กล่าว และว่า ขอบคุณแพทย์พยาบาลบุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันบริจาคโลหิตถือว่าได้ทั้งบุญและกุศล 

 

               วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมีบทเรียน แม้จะเคยผ่านสถานการณ์มาหลายครั้งแต่ไม่เคยรุนแรงแบบนี้ ทุกอย่างคาดการณ์ไม่ได้แต่เราต้องเตรียมให้พร้อม วันนี้ครั้งนี้ถือว่ารับมือได้ดี ทั้งนี้การช่วยเหลือดูแลจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)มาดูแลให้ทั้งผู้ที่สูญเสียและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยสรุปว่า ได้รับบาดเจ็บ 57 ราย กลับบ้านแล้ว 25 อยู่ในโรงพยาบาล 32 ราย เสียชีวิต เบื้องต้น 27 ราย รวมผู้ก่อเหตุด้วย

 

เยี่ยมผู้บาดเจ็บ-ญาติผู้เสียชีวิต

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึง จ.นครราชสีมา โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม รวมทั้ง ผบ.ทบ., ผบ.ตร. พร้อมผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานต่างๆ

 

               จากนั้นได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่บาดเจ็บที่ รพ.ค่ายสุรนารี, รพ.กรุงเทพ และ รพ.มหาราชนครราชสีมา ทั้งนี้นายกฯ ได้สอบถามอาการจากแพทย์และพยาบาล โดยแพทย์บอกคนไข้ปลอดภัยแล้ว ขณะที่นายกฯ กล่าวกับญาติผู้ได้รับบาดเจ็บว่าไม่ต้องกลัวในทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำได้อยู่แล้ว

 

นายกฯสั่งหามาตรการป้องกัน

 

               เวลา 13.35 น. ที่ พล.ม.2 พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวภายหลังเดินทางกลับจาก จ.นครราชสีมา ว่า สถานการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ รัฐบาลโดยตนเองและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ โดยยึดหลักความถูกต้องว่าทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย

 

               โดยเฉพาะการดูแลประชาชนที่หลบอยู่ในพื้นที่และในจุดต่างๆ ภายในอาคาร เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลจะละเลยความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงด้วย เป็นสิ่งที่เราจะต้องช่วยเหลือกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

 

               ประการแรกคือ อยากให้ดูว่าทำไมถึงก่อเหตุ ใช้โทรศัพท์ ใช้โซเชียลมีเดีย โพสต์ออกมา แสดงว่าเขามีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง กว่าเราจะสามารถปิดเฟซบุ๊กของเขาต้องประสานงานไปที่บริษัทต่างประเทศ เพราะการขอปิดแบบนี้จะต้องใช้กฎหมายทุกตัว รวมถึงขอคำสั่งศาล

 

               ตรงนี้เป็นสิ่งที่หลายคนเป็นห่วงว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งการจะขอให้ปิดได้ก็มีกฎหมายคุ้มครอง รวมถึงเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้วย จึงขอให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นเราจะใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้เกิดความชาชินเรื่องความรุนแรง เราต้องช่วยกันแก้ไข 

 

               “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนทราบดีถึงสาเหตุอยู่แล้วว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว แล้วมีความกดดันต่างๆ ทำให้อารมณ์คลุ้มคลั่งซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน เราต้องมาย้อนกลับดูว่าการที่ดำเนินการไปแล้วถูกต้องหรือไม่ จากการที่ได้ไปฟังรายงานสรุปก็ได้ให้คำแนะนำต่างๆ ไปหลายอย่าง เราอาจจะบอกได้ว่าถ้าทำครบถ้วนแล้วอาจจะลดความรุนแรงได้มากกว่านี้หรือไม่ 

 

               และเมื่อเราทำครบถ้วนของเราแล้วเพียงพอหรือยัง จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ตั้งแต่มาตรการดูแลที่แต่เดิมมันเคยเพียงพอ เช่น เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องกระสุน แต่วันนี้เขาถูกทำร้ายจนเสียชีวิตและถูกนำอาวุธออกมาได้ ตรงนี้เราต้องคิดใหม่และหามาตรการฉุกเฉิน เพราะไม่เคยเกิดขึ้น มันเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยไม่ปกติ”

 

               พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประการที่ 2 คือ เรื่องการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ร้ายหรือใครก็ตาม หรือแม้จะทำความผิดรุนแรงขนาดไหนก็ตาม จะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเป็นขั้นตอน ที่สำคัญจะต้องดูว่าคนที่อยู่ในอาคารจะต้องหลบอย่างไร ไม่ให้เกิดการสูญเสียมากขึ้นกว่าเดิม 

 

               ขั้นตอนคือกว่าจะเอาคนออกมาได้หมดถึงจะใช้อาวุธได้เต็มที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เสียสละชีวิตไปหลายคน เพราะเขาไม่กล้าใช้อาวุธอย่างเต็มที่ ดังนั้นการเข้าไปหาและอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในที่กำบังที่เหมาะสม ตัวอาคารก็มีซอกมุมที่ใช้หลบได้ง่าย การตรวจการณ์จึงทำได้ยาก

 

เผยปล้นปืน-กระสุนเกือบพันนัด

 

               ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธของทางราชการที่ถูกเอาไปมีดังนี้ จากป้อมรักษาการณ์ ประกอบด้วย 1.ปืนเล็กยาว (ปลย.) 11 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 5.56 จำนวน 40 นัด 2.จากกองร้อย(คลังอาวุธ) ปืนเล็กยาว 11 (ปลย.11 HK) จำนวน 1 กระบอก พร้อมปืนกล (ปก.) เอ็ม60 จำนวน 1 กระบอก 3.จาก บก.พันฯ รถยนต์บรรทุก(รยบ.) แบบ 51 บี และ 4.จากคลังกระสุนกองพันฯ กระสุน 5.56 จำนวน 736 นัด

 

               ส่วน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ทันทีที่เกิดเหตุ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าควบคุมสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เดินทางไปร่วมแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งจะสอบสวนหาสาเหตุของการกระทำการครั้งนี้ และขอยืนยันว่าจะดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด

 

ครอบครัวเหยื่อร่ำไห้ระงมรับศพ

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณห้องรับศพ รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีญาติพี่น้องและครอบครัวเดินทางไปติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า

 

               ขณะเดียวกันที่บ้านเกิดของ ด.ช.รัชชานนท์ กาญจนาเมธี หรือน้องเจมส์บอล อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบุญวัฒนา ที่บ้านรังกาใหญ่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ พบว่าบรรยากาศที่บ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของน้องเจมส์บอลนั่งจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

 

               นางจวน ปืนพิมาย ยายของน้องเจมส์บอล เปิดเผยว่า การกระทำของคนร้ายในครั้งนี้มีจิตใจโหดเหี้ยม ยิงแม้กระทั่งเด็กนักเรียนที่ไม่รู้อิโน่อิเหน่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากทั้งนี้น้องเจมส์บอลเป็นหลานชายคนเดียวโดยเข้าไปเรียนอยู่ในตัวเมืองนครราชสีมาและก่อนเกิดเหตุน้องกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักในตัวเมืองแต่ก็มาถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ทำให้พ่อและแม่ถึงกับเป็นลมล้มพับเมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้น

 

               นอกจากนี้ เพจสภาเภสัชกรรม โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ เภสัชกรหญิงนริศรา โชติกลาง หัวหน้าเภสัชกรรม โรงพยาบาล ป.แพทย์ จ.นครราชสีมา และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา

 

ผบ.ทบ.สั่งคุมเข้มกระสุน-ปืนกล

 

               รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีคำสั่งเป็นหนังสือด่วนไปยังทุกหน่วยทหารที่ขึ้นตรงกับกองทัพบกให้ปฏิบัติตามระเบียบถึงมาตรการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 4 แนวทางปฏิบัติ คือ 1.กองรักษาการณ์ของหน่วยต้องไม่มีกระสุน และไม่มีปืนกล 2.การปฏิบัติให้ถอดลูกเลื่อนออก โดยให้ผู้บังคับกองรักษาการณ์เป็นผู้เก็บรักษา 3.หน่วยที่เป็นกำลังป้องกันชายแดนให้ปฏิบัติตามระเบียบประจำของหน่วย และ 4.ผู้บังคับหน่วยทุกระดับต้องกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด

 

‘ปณิธาน’ชี้สังหารโหดกระทบมั่นคง

 

               นายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในสหรัฐอเมริกา การสังหารหมู่โดยการใช้อาวุธปืน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเกิดขึ้นทุกๆ 12-13 วันจากการศึกษาของแลงฟอร์ด ที่ไปศึกษาเหตุการณ์ใน 171 ประเทศ เมื่อปี 2016 ซึ่งของอเมริกานับเป็นสัดส่วนกว่า 30% เมื่อเทียบกับของทั้งโลก 

 

               ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่มีการรวบรวมสถิติแบบเดียวกัน และเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่โคราช ก็ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในสังคมไทย แต่เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องถอดบทเรียนของเราเองและนำเอาบทเรียนของประเทศอื่นๆ ที่คล้ายกับเรามาปรับใช้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแบบเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันขึ้นอีก

 

               สำหรับมาตรการของหลายๆ ประเทศที่น่าสนใจ มีดังนี้ 1.เร่งรัดยกระดับมาตรการการรักษาความปลอดภัย การควบคุมอาวุธปืน ทั้งในเมือง ในศูนย์การค้า และในชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย หรือเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ 2.เยียวยาผู้ที่สูญเสียและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างรวดเร็ว 3.บรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และจิตวิทยาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม 4.เริ่มดำเนินการระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รวมทั้งการปรับแนวทางการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน และการสื่อสารสมัยใหม่ของบุคคล

 

กสทช.จ่อลงดาบช่องทีวีไลฟ์

 

               นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. พบว่ายังมีบางสถานีที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด จึงได้โทรศัพท์แจ้งเตือนโดยตลอด จนทำให้ระดับการรายงานข่าวที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินงานอย่างเต็มกำลังเพื่อแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสถานการณ์เร่งด่วนดังกล่าว

 

               หลังจากนี้ สำนักงาน กสทช. จะรีบบรรจุเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนเสนอที่ประชุม กสทช. อังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อเรียกสถานีทุกช่อง โดยเฉพาะสถานีที่มีการรายงานสด มาให้ข้อมูล พร้อมทั้งพิจารณาหลักฐานประกอบ ก่อนที่ กสทช.จะลงมติดำเนินการกับช่องทีวีเหล่านั้นต่อไป

 

ดีอีประสานโซเชียลลบภาพคนตาย

 

               นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ได้ประสานงานกับเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอให้เฟซบุ๊กตรวจสอบและนำภาพการเสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ออกจากระบบด้วย รวมถึงคลิปการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเฟซบุ๊กได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทยอยนำออกจากระบบแล้ว และจากนี้ไปจะร่วมกันมอนิเตอร์อย่างใกล้ชิดด้วย

 

               “ขณะนี้เฟซบุ๊กตอบอีเมลกระทรวงดีอีแล้วว่า จะให้ความร่วมมือในการนำภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงกราด ซึ่งเป็นภาพที่แสดงความรุนแรงเหล่านั้นออกจากระบบ นอกจากเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมแล้ว ยังสร้างควาหดหู่ให้แก่พี่น้องคนไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนคนไทย อย่าโพสต์ภาพของผู้เสียชีวิตเลย ถือเป็นการให้เกียรติผู้ตายด้วย”

 

               นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทางผู้บริหารของทวิตเตอร์ ที่ประจำการอยู่สิงคโปร์ จะบินมาประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับการโพสต์ข้อความไวรัสโคโรนา เนื่องจากปัจจุบันมีการโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จ หรือ เฟคนิวส์ จำนวนมาก ซึ่งได้สร้างความสับสนแก่ประชาชน จึงจะขอความร่วมมือจากทวิตเตอร์ รวมถึงจะหารือถึงกรณีที่มีการนำภาพผู้เสียชีวิต คลิปวิดีโอที่เป็นการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ จากเหตุการณ์ยิงกราดที่โคราชออกจากระบบด้วย

 

ยธ.ตั้งศูนย์เยียวยาเหยื่อกราดยิง

 

               วันเดียวกัน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 3 อาคารเลขที่ 1849/7-8 ถนนร่วมเริงไชย โดยมี นายวิเชียร ไชยสอน ผอ.สำนักงานยุติธรรมจังหวัด จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์

 

               โดยสิทธิเบื้องต้นการชดเชยของผู้เสียชีวิตตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 ครอบครัวจะได้รับคือ ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย 50,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท รวมทั้งสิ้น 110,000 บาท

 

               สำหรับผู้บาดเจ็บจะมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ไม่เกิน 40,000 บาท ตามใบเสร็จรับเงิน ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ ไม่เกิน 20,000 บาท ตามใบเสร็จรับเงินและความเห็นแพทย์ ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 

 

               โดยค่าแรงขั้นต่ำ จ.นครราชสีมา มีอัตรา 325 บาทต่อวัน คำนวณเดือนละ 9,750 บาท ได้รับสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ประมาณ 118,625 บาท แต่หากผู้เสียหายไม่ได้ประกอบอาชีพ จะไม่ได้รับเงินตรงในส่วนนี้ และมีค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ไม่เกิน 50,000 บาท โดยพิจารณาถึงระยะเวลาการรักษา ความรุนแรงของการได้รับบาดเจ็บและตามจำนวนวันที่พักรักษาตัว

 

สถานทูตสหรัฐแสดงความเสียใจ

 

               วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา ผ่านเพจเฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok ใจความว่า “สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยจะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยเสมอ เรารู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา”

 

ย้อนรอยคนร้ายคลั่งกราดยิงมั่ว

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุยิงนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 63 ปี และพ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี เสียชีวิต เมื่อช่วงเวลา 15.30 น.วานนี้(8ก.พ.) จากนั้นขับรถเก๋งไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และแย่งอาวุธปืนจากทหารเวรประจำการและยิงทหารเวรได้รับบาดเจ็บ จากนั้นขับรถฮัมวีหลบหนีไปทางวัดป่าศรัทธารวม ด้านข้างโรงเรียนบุญวัฒนา กราดยิงประชาชนตามทาง และยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าสกัดจับ 

 

               กระทั่งเข้าไปที่ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช และกราดยิงรถที่ขับผ่านหน้าห้าง และเข้าไปในห้างยิงถังแก๊สจนระเบิดเพลิงไหม้แต่เจ้าหน้าที่เข้าดับไว้ได้ในเวลาต่อมา ส่วนประชาชนที่มาใช้บริการและพนักงานต่างวิ่งหนีออกจากพื้นที่แต่มีประชาชนและพนักงานบางส่วนยังหลบซ่อนอยู่ในห้าง

 

               ต่อมาเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ทยอยนำประชาชนออกจากศูนย์การค้า และมีประชาชนนับร้อยไปบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กระทั่งเวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ไปรับแม่ของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ จากบ้านที่ตัวเมืองชัยภูมิ มายัง จ.นครราชสีมา เพื่อเกลี้ยกล่อมลูกชาย เวลา 22.05 น. ได้ยินเสียงปืน 5 นัดดังออกมาจากชั้น 3 ของศูนย์การค้า และพบว่าคนร้ายได้ลงไปอยู่ที่ชั้น LG หรือชั้นใต้ดิน แล้วเปิดแก๊สหุงต้มให้แก๊สกระจายเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาบุกจับตัวได้ 

 

               จนเวลา 01.50 น.ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในบริเวณศูนย์การค้าได้เกือบ 100% แล้ว และเวลา 05.12 น. มีเสียงปืนดังอีก 1 ชุด แล้วเงียบลง จนเวลา 08.30 น.เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าในห้างและยิงปะทะคนร้ายจนสามารถวิสามัญฆาตกรรมได้

 

               มีรายงานว่า ระหว่างก่อเหตุและหลบหนี คนร้ายโพสต์เฟซบุ๊กตลอดเวลา และยังทราบความเคลื่อนไหวของประชาชนที่หลบหนีซ่อนตัวในห้างที่โพสต์ขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ประสานไปยังเฟซบุ๊กให้ปิดเฟซบุ๊กคนร้ายดังกล่าว

 

               วันเดียวกัน ผศ.ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลการเสียชีวิตของ นายเอกวิน ยืนทน นักศึกษาช่างอิเล็กทรอนิกส์ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มทร.อีสาน จากเหตุการณ์กราดยิงอุกอาจกลางเมืองนครราชสีมา ซึ่งได้ประสานครอบครัวที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวนักศึกษา 

 

               ซึ่งได้รายงานสถานการณ์ต่อ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภา มทร.อีสาน และ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นระยะ และร่วมติดตามเหตุการณ์มาตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ มทร.อีสานขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนายเอกวิน นักศึกษาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ โดย มทร.อีสานจะร่วมทำบุญอุทิศแก่นักศึกษาผู้เสียชีวิตที่บ้านเกิด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ