ข่าว

พาณิชย์คุม "หน้ากาก-เจลล้างมือ" จีนดับพุ่ง 36

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ในหลวง-ราชินี" พระราชทานเวชภัณฑ์ช่วยชาวอู่ฮั่น ได้ฤกษ์บินรับคนไทยกลับวันนี้ พาณิชย์คุม "หน้ากาก-เจลล้างมือ" จีนตายพุ่ง 36 ติดเชื้อ 1.7 หมื่น

 

               “ในหลวง-ราชินี” พระราชทานอุปกรณ์แพทย์ช่วยเหลือจีน ส่งไปพร้อมเที่ยวบินรับคนไทยในอู่ฮั่น 4 ก.พ. สธ.แจงสูตรยา รพ.ราชวิถี ปัดลอกจีน ยังไม่ใช่ยารักษามาตรฐาน พาณิชย์ชงครม.ขึ้นบัญชี “หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ” เป็นสินค้าควบคุม แก้ขาดแคลน-โก่งราคา “บิ๊กตู่” สั่งใช้กฎหมายจัดการเฟคนิวส์ ด้านจีนยอดตายพุ่ง 361 ราย ติดเชื้อกว่า 1.7 หมื่นคน จวกสหรัฐไม่ช่วยเหลือ ยังกระพือข่าวให้หวาดกลัว


อ่านข่าว-ไวรัส "โคโรน่า" เกาะติดสถานการณ์



               เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ รพ.ราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ภายหลังจากร่วมกับคณะผู้บริหารและทีมแพทย์พูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วย ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อ 2 คน

 

               โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณสูงสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี พระราชทานสิ่งของ ยาและเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ เพื่อนำไปให้แก่ทีมแพทย์ ประเทศจีน โดยทางสำนักพระราชวังเตรียมขนยาและเวชภัณฑ์ไปพร้อมกับสายการบินที่จะไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับไทยในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ 

 

               สำหรับการพาคนไทยกลับมานั้น เบื้องต้นทางจีนจะต้องมีการคัดกรองตรวจสุขภาพว่าไม่มีไข้ ไม่มีเชื้อ ถึงให้เดินทางมาขึ้นเครื่องได้ เพื่อความปลอดภัยสำหรับการเดินทาง หากมีอาการป่วยก็ต้องอยู่พักรักษา ไม่ปล่อยให้เดินทางกลับ

 

               แต่ขณะนี้ก็พบว่าทุกคนสบายดี ซึ่งหลังเดินทางมาถึงไทย ก็ต้องเฝ้าระวังควบคุมโรค 14 วัน ส่วนสถานที่มีการเตรียมไว้แล้ว 3-4 สถานที่ รอหารือกับนายกฯ ว่าจะใช้พื้นที่ไหน 
 

               ส่วนจะเป็นพื้นที่ไหนคงไม่เปิดเผยเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทุกฝ่าย เพราะเราต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนไม่ให้ซ้ำรอยต่างประเทศที่เกิดต่อต้าน แต่ตรงนี้รับประกันได้ว่าไม่มีคนไหนแพร่เชื้อในประเทศไทยอย่างแน่นอน

 

               สำหรับในภาพรวมมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทย 19 คน หายดีและกลับบ้าน 9 คน และอีก 4 คนอาการดีขึ้น ส่วนกรณีรายงานของแพทย์ รพ.ราชวิถี ที่ทำการรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยใช้ยาขนานที่เหมาะสมกับอาการผู้ป่วยชาวจีนที่ส่งต่อมาจาก รพ.หัวหิน และมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยรายอื่น แล้วปรากฏว่าได้ผลขึ้นมาในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าคาดการณ์ ไม่อยากให้สื่อสารว่าพบสูตรยาใหม่ ต้องเคลียร์ว่านี่คือวิธีรักษาจากประสบการณ์ความชำนาญ

 

               ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยชาวจีนที่มาจากเมืองอู่ฮั่น แล้วส่งต่อจาก รพ.หัวหิน มายัง รพ.ราชวิถี อาการไม่ค่อยดีเกรงว่าจะเกิดการเสียชีวิตเป็นรายแรกนอกประเทศจีน ซึ่งแพทย์ รพ.ราชวิถี 2 ท่านช่วยเหลือดูแล และไปศึกษาว่า นอกจากการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว คือ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์ ยังมีการรักษาอะไรอีกบ้าง ซึ่งก็พบว่ามีการใช้ยารักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ช่วยรักษาโรคเมอร์สจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน จึงนำมาใช้ร่วมกันจนอาการผู้ป่วยดีขึ้น

 

               กรณีที่ว่าจีนรายงานผลการรักษาออกมาและมียาร่วมกันทั้ง 2 กลุ่มนี้เหมือนกันนั้น ต้องขอทำความเข้าใจว่า เรารับผู้ป่วยมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม และได้เริ่มทำการให้ยาตั้งแต่วันนั้นเลย ขณะที่ผลการศึกษาครั้งที่สองของจีนที่ออกมาตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศก็เป็นวันที่ 29 มกราคม เช่นกัน และเวลาที่ไทยก็เร็วกว่าอังกฤษถึง 6 ชั่วโมง

 

               แต่ทีมแพทย์ของเรายังไม่ได้อ่าน การรักษาของทีมแพทย์ รพ.ราชวิถี จึงเป็นการรักษาก่อนที่จะเห็นรายงานการรักษา ก็เรียกว่าคิดตรงกัน แต่ยังไม่มีการตีพิมพ์ออกมา ซึ่งผลการรักษาของเราดีขึ้นเร็วใน 12 ชั่วโมงไข้ลด และผลแล็บเป็นลบใน 48 ชั่วโมง” นพ.สมศักดิ์กล่าว และว่า 

 

               สำหรับวิธีการรักษาด้วยยาสูตรดังกล่าวเรากำลังส่งไปตีพิมพ์ที่ต่างประเทศ และกำลังนำเข้าที่ประชุมแนวทางการดูแลรักษา ซึ่งมีการนำรายงานการรักษาต่างๆ จากทั่วโลกมาพิจารณา ซึ่งสูตรยานี้ก็อาจเสนอเป็นทางเลือกในการรักษาต่อไป แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน

 

               ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความสรุปว่า ฝ่ายไทยได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจีนเป็นอย่างดี ขอขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งฝ่ายจีนก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องชีวิตและสุขภาพร่างกายของชาวไทยในประเทศจีนและสนับสนุนและร่วมกันดูแลชาวไทยในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดนี้ให้ได้อย่างแน่นอน

 

               เวลา 17.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า จำนวนคนไทยในจีนที่แสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับประเทศขณะนี้ปรับเปลี่ยนมาอยู่ที่ 144 คน ซึ่งมีทั้งคนไทยที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่นและในเมืองอื่นๆ ซึ่งอยู่ในมณฑลหูเป่ย

 

               ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาทั้งไวรัสโคโรนา และฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ว่า รัฐบาลพยายามทำงานอย่างเต็มที่กับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่าน่าเสียใจที่มีบางคนบางกลุ่มพยายามจะขับเคลื่อนทางการเมืองกับสิ่งเหล่านี้ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์กับประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำเพราะไม่ชอบตน 

 

               ยืนยันว่าต่างประเทศก็มีการดำเนินการที่ไม่แตกต่างจากเรา หลายอย่างเราทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งไม่อยากให้การแก้ปัญหาอยู่แค่เรื่องพีเอ็ม 2.5 หรือไวรัสโคโรนา เพราะวันนี้ประเทศไทยยังมีอีกหลายโรค โดยเฉพาะเรื่องของเฟคนิวส์ เฮทสปีช วันนี้สั่งการเจ้าหน้าที่ไปแล้วให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ต้องสืบหาต้นตอมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะฉะนั้นขอเตือนสื่อโซเชียลต่างๆ

 

               "ผมขอฝากไว้ด้วย จะเผาอะไรก็แล้วแต่ ขอร้องว่าอย่าเผาบ้านเมืองของท่าน อย่าเผาด้วยการบิดเบือน ด้วยการใช้เฟคนิวส์ต่างๆ แบบนี้ เดี๋ยวถูกดำเนินคดีอย่ามาโวยวายแล้วกัน เพราะเป็นการใช้กฎหมายปกติ ไม่ได้ไปใช้อำนาจเผด็จการอะไรของผมเลย เหนื่อยแล้วนะ แต่ไม่ลาออก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

               ส่วนนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมว่า เราจะดูแลการรับคนไทยจากจีนกลับมาให้ดีที่สุดและที่ไม่อยากเปิดเผยสถานที่ เนื่องจากเป็นการกักกันโรค ไม่อยากให้คนตื่นตระหนกและคนที่กลับมาไม่ใช่คนป่วย ทุกอย่างทำตามขั้นตอนมาตรฐานสากล 

 

               ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปรับด้วยมีจำนวน 15 คนบวกอีก 1 คน คือตน ซึ่งจะใส่ชุดป้องกันโรคไป โดยจะไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น ทั้งหมด 144 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทางการจีนรายงานมาล่าสุด

 

               วันเดียวกัน พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมให้เครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับคนไทยจากนครอู่ฮั่น ประเทศจีน ลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภา และใช้พื้นที่ในฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เฝ้าสังเกตอาการว่า ในส่วนสนามบิน รัฐบาลกำลังพิจารณาว่าจะใช้สนามบินไหน แต่มีแนวโน้มว่าจะเลือกสนามบินอู่ตะเภา ต้องรอความชัดเจนก่อน

 

               ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 

 

               เพื่อดูแลในเรื่องปริมาณและราคาเพื่อป้องกันสินค้าขาดแคลนและขายราคาสูงเกินควร รวมทั้งถ้าจะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเกินกว่า 500 ชิ้นขึ้นไปจะต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายจากกรมการค้าภายใน พร้อมประสานโรงงานเร่งการผลิตเพิ่มขึ้นให้เพียงพอ

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.รพ.กระบี่ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวตั้งกรรมการสอบวินัยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่(สสจ.กระบี่) และ ผอ.รพ.กระบี่ กรณีที่ให้ข่าวคลาดเคลื่อนว่ามีผู้ป่วยที่เข้าข่ายเป็นไวรัสอู่ฮั่นในกระบี่กว่า 100 รายว่า การตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงครั้งนี้เป็นเรื่องจริงแต่คงไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้ 

 

               ขณะที่ผู้ป่วย 5 รายที่อยู่ในการรักษา เป็นชาวจีน 4 คน และฝรั่ง 1 คนนั้น ล่าสุดได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 2 คน และอยู่ในการรักษาอีก 3 คน ส่วนผลตรวจสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่ส่งไปตรวจพิสูจน์หาเชื้อที่ภูเก็ตยังไม่มีการยืนยันกลับมาว่าเป็นโรคอะไร 

 

               วันเดียวกันมีรายงานว่า สธ.ได้มีคำสั่งห้ามผู้บริหารระดับจังหวัดให้ข้อมูลสถานการณ์ไวรัสโคโรนา โดยให้ส่งข้อมูลให้แก่ส่วนกลางทั้งหมด ซึ่งผู้ที่สามารถให้ข้อมูลคือปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีเท่านั้น

 

               ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการป้องกันเฟคนิวส์ที่มีจำนวนมากในช่วงนี้ ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.พ.) ได้พูดคุยกับผู้บริหารเฟซบุ๊กต่างประเทศ เชื่อว่าภายใน 1-2 วันจะมีข่าวดี จากการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับเฟซบุ๊กเพื่อป้องกันข่าวปลอมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระทบกับความอ่อนไหวของประชาชน รวมถึงเรื่องอื่นๆ ดังนั้นคนที่ผลิตเฟคนิวส์ต่างๆ ต้องระวังแล้ว

 

               ด้านนายสมพร ปัจฉิมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเผยแพร่ข้อมูลเท็จไวรัสโคโรนาระบาดใน จ.ชุมพร เป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 384 โดยจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ผู้ต้องหาประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชุมพร ซึ่งยอมรับสารภาพอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้รับข้อมูลมาจากเพื่อน

 

               สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานด้านสาธารณสุขของจีนได้รายงานยอดเสียชีวิตในจีนพุ่งเป็น 361 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 17,205 ราย ขณะที่กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนออกคำสั่งให้หน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศยกระดับมาตรการกำกับดูแลการจัดการสิ่งปฏิกูลทางการแพทย์และในชุมชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

 

               ด้าน น.ส.หัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า ตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ต้องการชุดป้องกัน แว่นตาป้องกัน ถุงมือ และหน้ากากอนามัยจำนวนมากอย่างเร่งด่วน ซึ่งเฉพาะในจีนมีผู้ผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวเพียง 40 แห่ง และผลิตได้รวมกันประมาณวันละ 3 หมื่นชิ้น

 

               ส่วนกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยอยู่ที่ 20 ล้านชิ้นต่อวันเท่านั้น แต่ความต้องการสูงกว่านั้นมาก โดยเฉพาะที่มณฑลหูเป่ยซึ่งจุดศูนย์กลางของโรคทางบุคลากรทางการแพทย์ต้องการเครื่องไม้เครื่องมือป้องกันมากถึง 1 แสนชุดต่อวัน

 

               น.ส.หัว ชุนหยิง กล่าวอีกว่า สหรัฐเป็นประเทศแรกที่ตัดสินใจถอนนักการทูตบางส่วนออกจากจีน และเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการแบนผู้เดินทางชาวจีน แต่กลับไม่เคยมอบความช่วยเหลืออย่างจริงจัง ​และทุกสิ่งทุกอย่างที่สหรัฐทำมีแต่สร้างและเผยแพร่ความกลัวซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี รวมทั้งกลับกลายเป็นผู้นำในการออกข้อจำกัดต่างๆ ที่เกินกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

 

               ทั้งนี้รัฐบาลปักกิ่งคาดหวังให้ทุกประเทศใช้มาตรการตอบสนองวิกฤติสาธารณสุขครั้งนี้อย่างมีเหตุมีผล โดยอิงกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ