"ทนายมึนอ" เร่งดีเอสไอ ส่งความเห็นแย้งอัยการ สั่งไม่ฟ้องคดีบิลลี่ ด้าน "มึนอ" ลั่น หาคนฆ่าบิลลี่ไม่ได้ แก่งกระจานก็ไม่ต้องเป็นมรดกโลก
25 ม.ค.25 63-นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความของ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ กล่าวถึง ขั้นตอนหลังจากที่อัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนายบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง แก่งกระจาน ว่าต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอทำความเห็นแย้งอัยการ ซึ่งคาดว่าดีเอสไอคงจะใช้เวลาไม่นาน
เมื่อถามว่าเหตุใด อัยการการคดีพิเศษจึงไม่จึงสั่งไม่รับฟ้อง นายสุรพงษ์ บอกว่า ทราบว่าอัยการคดีพิเศษ ระบุยังไม่สนเห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า เสียชีวิตอย่างไร โดยใคร ซึ่งก็เป็นแนวทางเก่าๆที่อัยการคดีพิเศษเคยสั่งไม่รับฟ้องไป อย่างกรณี หมอผัสพร ที่ผู้เป็นพ่อต้องไปยื่นฟ้องเอง ในที่สุดศาลตัดสินให้จำเลยเป็นฆาตกรในที่สุด ในส่วนของคดีบิลลี่ทางทนายความก็ได้เตรียมหลักฐานไว้บางส่วนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม จะยังไม่ยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตัวเองเนื่องจาก อยากให้รัฐเป็นผู้ทำคดีนี้ เพราะคนถูกอุ้มหายไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงความปลอดภัย ที่สังคมจะต้องได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเรื่องก็ผ่านมานานแล้ว ยังหาคนกระทำความผิดไม่ได้ สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมไม่สามารถนำมาซึ่งความเป็นธรรมได้อย่างแท้จริง
นายสุรพงษ์ บอกถึงข่าวที่ระบุว่า วันที่ 27 ม.ค. จะไปยื่นหนังสือถามเหตุผล และขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุดนั้น ยังต้องขอหารือกันก่อน ซึ่งหากมีความแน่นอนแล้วจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบต่อไป อยากให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า
ด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยานายบิลลี่ กล่าวว่า หากถ้าไม่ใช่คนกลุ่มนี้ที่กระทำกับบิลลี่ แล้วใครคือคนทำ และทั้งๆที่ดีเอสไอส่งเรื่องให้อัยการพิจารณา กลับมีความเห็นไม่สั่งฟ้องอีก จึงได้แต่สงสัยว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริงหรือไม่
สำหรับชาวบ้านบางกลอย ระบุว่าหากรัฐไทยไม่คลี่คลายคดีพี่บิลลี่ จนนำไปสู่การจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ก็จะไม่ยอมให้พื้นที่ป่าแก่งกระจานได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากชาวกะเหรี่ยง อาศัยอยู่ในผืนป่าแก่งกระจานมาอย่างยาวนาน แต่กลับถูกเผาไล่ที่ลงมา ทำให้ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่อุทยาน จนบิลลี่ถูกฆ่าในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง