ข่าว

ผอ. รับหนี้ท่วมเหตุชิงทอง ขอโทษเหยื่อ - เจอ 7 ข้อหา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บิ๊กแป๊ะ นำ ผอ. ชิงทองยิง 3 ศพ โฟนอินตอบคำถามสื่อ เหตุจูงใจปัญหาส่วนตัว - การเงิน

 

              เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 มกราคม 2563 ที่ ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย, พล.ต.อ.สุชาติ ธีรสวัสดิ์, พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ.ตร., พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ณัฐพล ศุกระศร ผบก.ภ.จว.ลพบุรี และ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุมนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ทองคำน้ำหนักกว่า 28 บาท มูลค่า 6.8 แสนบาท ไปจากร้านทองในห้าง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บสาหัส 4 คน ภายหลังนำตัวจากสถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 จ.ลพบุรี มาคุมขังที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีได้มีการควบคุมตัวนายประสิทธิชัย จาก บก.ป. มายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเกรงว่าจะเป็นการกระทบสิทธิผู้ต้องหา จึงใช้วิธีให้ผู้ต้องหาโฟนอินหรือพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อตอบคำถามสื่อมวลชนแทน

              นายประสิทธิชัย กล่าวว่า สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุมาจากปัญหาส่วนตัวและปัญหาเรื่องการเงิน ส่วนที่ยิงพนักงานร้านทอง ลูกค้าที่มาซื้อทอง และ ด.ช. 2 ขวบ จนเสียชีวิตถึง 3 รายนั้น เป็นการยิงเพื่อเปิดทางและทำให้กลัว โดยวางแผนล่วงหน้ามาแล้ว 2-3 วัน ยืนยันว่าไม่รู้จักหรือมีความขัดแย้งกับพนักงานร้านทองที่เสียชีวิตตามที่มีกระแสข่าว ส่วนที่มีการยิงซ้ำนั้น เนื่องจากขณะกระโดดขึ้นไปบนตู้กระจกได้หันปลายกระบอกปืนไปที่พนักงานร้านทอง เนื่องจากถุงมือที่ใส่อยู่ไปขัดในไกปืน แต่เมื่อพยายามดึงถุงมือให้ขยับออกทำให้ปืนลั่นออกไป 2 นัด ลักษณะเหมือนกระตุกมือเข้าไปพันในไกปืน สำหรับกรณียิง ด.ช. 2 ขวบ ยืนยันว่าไม่เห็น ตั้งใจยิงใส่ รปภ.เพื่อเปิดทาง คิดว่าลูกกระสุนน่าจะแฉลบไปโดน ไม่ได้ตั้งใจยิงเด็ก หลังก่อเหตุรู้สึกสำนึกผิด และเสียใจในการกระทำ มีความคิดที่จะมอบตัว แต่ไม่ได้ปรึกษากับใคร เพราะก่อเหตุเพียงคนเดียว ไม่ได้ร่วมวางแผนกับใคร โดยตั้งใจจะมอบตัวในวันที่ 24 มกราคมนี้ เนื่องจากติดภารกิจที่โรงเรียน แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน

 

 

 

              “นัดแรกตั้งใจยิงเพื่อเปิดทาง ไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ แต่ลูกกระสุนน่าจะโดน รปภ.แล้วพลาดไปโดน ด.ช. 2 ขวบ อยากฝากไปถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมอยากกล่าวคำว่าเสียใจและขอโทษ โดยเฉพาะ ด.ช. 2 ขวบ และพนักงานผู้หญิง รวมถึงทุกคนที่ผมได้ยิง” นายประสิทธิชัย กล่าวและว่า ส่วนที่มีการตั้งคำถาามว่าเหตุใดหลังก่อเหตุกลับไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายนั้น ก็เพราะพยายามทำตัวให้ปกติ และไม่ได้คิดหนี ความรู้สึกในใจทุกครั้งที่เห็นข่าวก็เสียใจกับการกระทำของตัวเอง ส่วนสาเหตุที่ใช้ปืนที่ติดท่อเก็บเสียง เพราะต้องการไม่ให้เกิดเสียงดัง ไม่ต้องการให้ผู้คนตื่นตระหนก ซึ่งท่อเก็บเสียงสั่งมาจากเพื่อนรุ่นน้องทางอินเทอร์เน็ต

              เมื่อถามถึงเหตุผลที่มีการยิงซ้ำ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจยิงเพื่อเปิดทาง นายประสิทธิชัย ตอบว่า ตอนแรกได้ยิงตู้กระจกไปสองนัด ไม่คิดว่ากระสุนจะไปโดนพนักงานผู้หญิง และอารมณ์ก็หลุดไปแล้ว ก็เสียใจ และอยากขอโทษด้วย

 

 

 

              ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอยากตายดังๆ ให้มีสตอรี่ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอนั้น นายประสิทธิชัย บอกว่า ยืนยันว่าสาเหตุที่ก่อเหตุมาจากปัญหาเรื่องส่วนตัว และเรื่องการเงิน ไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแต่อย่างใด ไม่ได้อยากถูกวิสามัญฆาตกรรม หรือชีวิตขาดสีสัน

              ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่สังคมตั้งคำถามว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ ขอเรียนว่าไม่ใช่กรมปศุสัตว์ ไม่เคยจับแพะจับแกะ ตนเป็นตำรวจจับแต่โจรผู้ร้าย ดูแลประชาชน ที่ผ่านมาคดีใหญ่ๆ ก็จับแต่ของจริง วันนี้คดีเสร็จสิ้นแล้ว ที่ผ่านมาได้รับกำลังใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ท่านถามตลอด ตนก็รายงานตลอด คดีนี้ทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวคนร้ายเร็วที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นถึงผู้อำนวยการก็ไม่เหนือความคาดหมายมาก ไม่ได้ตัดประเด็นทิ้งตั้งแต่แรก แต่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าตำรวจ ทหาร ไม่น่าจะยิง ที่ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมไม่ค้นปืนบ้านพ่อผู้ต้องหาด้วย ก็เพราะเราไม่อยากให้ของกลางเคลื่อนที่ ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายก็ทิ้งซิกเนเจอร์ไว้จำนวนมากเช่นกัน

 

 

 

              “ผมบอกในที่ประชุมทุกครั้งว่า วันที่เราจับได้เป็นวันที่เราประสบความสำเร็จ โดยเมื่อวานนี้ (22 มกราคม) จากการสอบปากคำผู้ต้องหามีบางส่วนที่จริงใจบ้าง ทีมงานเรามีประสบการณ์ในการรับฟัง หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อไป” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

              ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า พยานหลักฐานที่ได้เป็นอาวุธปืนในการก่อเหตุ และทองรูปพรรณที่ได้จากบ้านพ่อผู้ต้องหา ที่ขาดอยู่คือลำกล้องและท่อเก็บเสียง อยู่ระหว่างงมหาในแม่น้ำ จากการสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีคนอื่นเกี่ยวข้องช่วยเหลือ แต่ก็ยังสืบสวนต่อ ส่วนหลักฐานที่นำมาสู่การออกหมายจับคนร้ายได้มาจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ยืนยันเรื่องวัตถุพยาน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน แต่ไม่มีหลักฐานที่เป็นดีเอ็นเอของเหงื่ออย่างที่เป็นข่าว โดยรายละเอียดต่างๆ รวมถึงข้อมูลผู้ชี้เบาะแสเป็นความลับอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ สำหรับอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นของพ่อ แต่ยังไม่พบว่าพ่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลปืน CZ P-01 เข้ามาในเมืองไทย 1 แสนกว่ากระบอก รุ่นนี้มีเป็นพันกระบอก การจะตรวจสอบต้องมีเหตุพอสมควร อยู่ดีๆ จะไปตรวจสอบไม่ได้

 

 

 

              พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า คำให้การของผู้ต้องหานั้น ต้องแยกคำให้การกับหลักฐานออกจากกัน คำพูดเรื่องเหตุจูงใจจะเกิดจากอะไรจริงเท็จยังไม่ทราบ คำพูดเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ตำรวจยืนยันตามกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การที่เขาเดินเข้าไปเอาปืนยิงคนตาย เอาทองไปเก็บไปซุกซ่อน แล้วถูกจับ เราก็ฟันธงเลยว่า เขาเจตนาฆ่า เจตนาชิงทรัพย์ ส่วนคำกล่าวอ้างก็เป็นเรื่องของเขา เพราะฉะนั้นขอให้ชัดเจนว่าเราตั้งข้อหาตามการกระทำ ไม่ได้ตั้งข้อหาเพราะเขาพูดว่าอะไร ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน แต่ถ้าวันหลังมีข่าวมาบอกว่าอยากฆ่าตัวตาย เราไม่ได้ไปฟังตรงนั้น เราก็ต้องฟันธงสาเหตุที่เขาลงมือทำว่าประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่มีเรื่องอื่น ส่วนตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานถึงคนอื่น หากมีเพิ่มก็ต้องเอาด้วย โดยวันนี้ภายหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายประสิทธิชัยไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาต่อไป

 

 

 

              ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. กล่าวว่า การสืบสวนครั้งนี้ได้รับการประสานงานกับทุกหน่วยอย่างใกล้ชิด ทั้งตำรวจภูธรภาค 1 บก.สส.บช.น. จนได้ข้อมูลที่ไปถึงตัวผู้ต้องหาได้ ตำรวจมีฐานข้อมูลเก่า เลยทำให้ได้ตัวเป้าหมายมาระยะเวลาหนึ่ง จากการเฝ้าสังเกตการณ์น่าเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้จะเป็นคนร้าย จึงรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลออกหมายจับ

              เบื้องต้นแจ้งข้อหาจำนวน 7 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น 2.ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 3.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น 4.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนและยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 5.ยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมชน 6.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และ 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้และมียุทธภัณฑ์ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

 

 

              อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวจากทีมสอบสวนของกองปราบปราม เปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่ทำให้นายประสิทธิชัยลงมือชิงทรัพย์ร้านทองครั้งนี้ มาจากปัญหาหนี้สิน ซึ่งมีมากกว่า 2 ล้านบาท ทั้งเงินกู้สหกรณ์ครู 1 ล้านกว่าบาท และเงินกู้ธนาคารอีก 1 ล้านเศษ ส่วนรถหรูยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่น Z4 ที่นายประสิทธิชัยซื้อมาแล้วโดนกรมศุลกากรยึด มีรายงานแจ้งด้วยว่า ก่อนที่นายประสิทธิชัยจะแต่งงานกับภรรยาคนล่าสุด ได้ซื้อรถสปอร์ตบีเอ็มดับเบิลยูคันดังกล่าว แบบเปิดประทุน สีขาว ซึ่งเป็นคันที่ใช้ถ่ายพรีเวดดิ้ง แต่ทว่าเป็นรถเถื่อนสวมทะเบียน ซึ่งต่อมาโดนกรมศุลกากรยึด ต้องหาเงินมาเสียค่าปรับอีกเกือบ 6 แสนบาท นอกจากนี้ยังใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย พาภรรยาไปกินเที่ยวหรูตลอดเวลา อีกทั้งมีนิสัยเจ้าชู้เพลย์บอย ใช้เงินเปย์ให้สาวๆ หลายคน รวมทั้งแฟนเก่าที่เคยคบหาจนมีลูกด้วยกัน ส่งผลให้เงินเดือนที่ได้รับเดือนละ 3 หมื่นเศษไม่พอใช้ ถูกหักหนี้เงินกู้ จนหลือเงินเดือนแค่เดือนละ 5,000 บาท ไม่พอใช้จ่าย จึงตัดสินใจก่อเหตุในที่สุด

 

 

 

              วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงคดีดังกล่าวว่า ให้กำลังใจตำรวจมาตลอด คุยกันทุกวันว่าถึงไหนอย่างไร ตนก็มีวิธีการของตน สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาได้สร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีให้แก่ตำรวจ ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจ มีการทำอยู่แล้ว ถ้าเราเสนอข่าวกันทุกวัน ผู้ร้ายก็รู้หมด เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่จริงทั้งสิ้น เรื่องจริงเราทำของเราและผลออกมาอย่างนี้ มันก็จับได้ เพราะฉะนั้นขอให้ท่านช่วยลดผลกระทบซึ่งกันและกันบ้างในการนำเสนอข่าว ขอร้องท่านสื่อมวลชนเท่านั้นเอง ลองไปศึกษาดูว่าจะทำอย่างไร จะช่วยรัฐบาลซึ่งมีความจริงใจแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ รัฐบาลก่อน และรัฐบาลนี้ก็พยายามทำเต็มที่ ทุกอย่างเดินหน้าเป็นขั้นเป็นตอนมาตลอด ใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะทำอะไรได้สักอย่าง บางอันก็สำเร็จแล้ว บางอันก็เริ่มต้น บางอันก็อยู่ระหว่างขั้นตอนจะพัฒนาขั้นต่อไป มันต้องเดินอย่างนี้ ไม่ใช่ออกนโยบายไปแล้วก็ทำได้ทันที วันนี้เอาแค่ใช้กฎหมายปกติให้ได้ทุกอย่างก็แล้วกัน หลายเรื่องต้องสร้างการรับรู้ไป

 

 

 

              ต่อมาเวลา 13.15 น. ที่บก.ป. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายประสิทธิชัย ออกจากห้องควบคุมขึ้นไปยังชั้น 8 และให้แพทย์จาก รพ.ตำรวจ มาตรวจร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่จะไม่คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนในที่ก่อเหตุ เนื่องจากอาจเกิดความวุ่นวาย รุมประชาทัณฑ์ หรือการแก้แค้นเอาคืน ทั้งที่มีการเตรียมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนไว้ดูแลความสงบเรียบร้อยกว่า 300 นาย แล้วก็ตาม 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบฯ ควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อยื่นขอฝากขังผัดแรก ที่ศาลาอาญา ถ.รัชดา และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงจะไปยุ่งเกี่ยวทำลายพยานหลักฐาน โดยระหว่างที่ควบคุมตัวมามีคนตะโกนว่าขอให้ประหารชีวิต จากนั้นเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบฯ ควบคุมตัวนายประสิทธิชัยไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังศาลอนุญาตฝากขัง และไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งก็ไม่มีใครมายื่นเรื่องขอประกันตัวแต่อย่างใด

 

 

 

              พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังเรือนจำพิเศษรับตัวผู้ต้องหาตามกระบวนการราชทัณฑ์ ก็ได้นำตัวไปตรวจร่างกาย พบว่าเจ้าตัวมีไข้เล็กน้อย และนอกจากแผลผ่าตัดที่หัวเข่าโดยรวมก็แข็งแรงดี ซึ่งเมื่อประเมินสภาพจิตใจแล้ว พบว่าเป็นปกติ ไม่มีวี่แววว่าจะฆ่าตัวตาย แต่จากการพูดคุย เจ้าตัวก็สำนึกผิด ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะยิงปืนใส่น้องไทตัล ทั้งยังระบุว่าพร้อมรับโทษทุกสถาน ไม่ว่าจะประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต โดยจะนำตัวเข้าแดนแรกรับ แดน 1 ห้อง 11 ซึ่งมีแต่ผู้สูงวัยเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ นายประสิทธิชัยไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากนี้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทางเรือนจำจะให้ทำบันทึกแสดงความจำนง ก่อนจะเปิดให้ญาติใกล้ชิดไม่เกิน 10 คน เข้าเยี่ยมในเวลาราชการ

              อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับคดีดังกล่าว นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมนายประสิทธิชัย ในส่วนของคุรุสภา จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหาร โดยเบื้องต้นทางคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจโดยตรงได้มอบอำนาจให้เลขาธิการคุรุสภา ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ซึ่งตนได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งไปแล้ว และได้มีหนังสือไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)สิงห์บุรี และ สภ.เมืองลพบุรี เพื่อขอข้อมูลมาประกอบการพิจารณา รวมถึงรอผลการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หากการสืบข้อเท็จจริงมีมูล กมว.ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง เพื่อนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทั้ง 2 ใบต่อไป

 

 

 

              นางวัฒนาพร กล่าวต่อว่า ตามข้อบังคับคุรุสภา ระบุว่า เมื่อมีการเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัย จะต้องสั่งพักใช้ใบอนุญาตฯ เป็นเวลา 60 วัน เพื่อไม่ให้ขัดขวางต่อกระบวนการสอบสวน ดังนั้นในกรณีนี้จะสั่งพักใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงก่อน คาดว่า กมว.จะสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงได้ ใน 1-2 วันนี้ ขณะเดียวกันเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงที่คุรุสภากำลังทบทวนมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารพอดี ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า ต้องมีการพิจารณาเรื่องของการคัดกรองคนที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา โดยต้องคำนึงถึงวัยวุฒิ วุฒิภาวะ สภาวะทางจิตใจให้ถี่ถ้วนมากขึ้นเพราะผู้บริหารสถานศึกษาต้องดูแลครู ดูแลเด็ก ซึ่งต้องมีวุฒิภาวะ สภาวะจิตใจที่สูงเป็นพิเศษ ดังนั้นอาจจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้และคัดเลือกบุคลากรว่า อาจต้องทบทวนในหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องประสบการณ์ ที่ปัจจุบันครูชำนาญการก็สามารถสอบเป็นผู้บริหารสถานศึกษาได้ ว่าเหมาะสมหรือไม่ หรือจะกลับไปใช้แนวทางเดิมที่เลื่อนตามลำดับขึ้นมา จากครูต้องผ่านรองผู้อำนวยการก่อนมาเป็นผู้อำนวยการ เพื่อให้ได้ผู้บริหารที่ดีมีวุฒิภาวะที่เหมาะสม

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ