ข่าว

เปิดตัว กลุ่มติดอาวุธ ในเครือข่าย อิหร่าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดตัว กลุ่มติดอาวุธ ในเครือข่าย อิหร่าน

 

 


          ปฏิบัติการของอิหร่านในการแก้แค้นเอาคืนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และสหรัฐอเมริกา ทุกฝ่ายเชื่อว่าต้องเกิดขึ้นแน่ และน่าจะใช้กลุ่มติดอาวุธที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายในการ “ปฏิบัติการแทน” เพื่อเลี่ยงการถูกตอบโต้ตรงๆ จากสหรัฐ

 

 

          กลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นนิกายเดียวกับอิหร่าน ในฐานะที่อิหร่านเป็นผู้นำมุสลิมนิกายนี้ และยังมีสถานะเป็นมหาอำนาจของตะวันออกกลาง แต่ยืนตรงข้ามกับสหรัฐ


          กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้มีนับสิบกลุ่ม แยกย่อยกันในหลายพื้นที่ จำนวนนักรบของทุกกลุ่มรวมๆ แล้วมากกว่า 1 แสนคน ชื่อที่คนไทยคุ้นหูกันพอสมควรก็เช่น


          - “กลุ่มฮามาส” ในปาเลสไตน์ เป้าหมายคือถล่มอิสราเอล และพันธมิตรสหรัฐ
          - “กลุ่มฮิซบุลเลาะห์” ในเลบานอน เป้าหมายคือถล่มอิสราเอลเช่นกัน
          - กลุ่ม Popular Mobilization Unit หรือ PMU ในอิรัก
          - กลุ่มติดอาวุธชีอะห์ในอิรัก และอีกหลายๆ ประเทศในตะวันออกกลาง
          - กลุ่มกบฏฮูตี ในเยเมน


          ที่น่าตกใจคือ แต่ละกลุ่มเป็น “องค์กรแม่” มีเครือข่ายย่อยๆ อีกมากมาย หลายกลุ่มตั้งขึ้นมาเพื่อรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส เมื่อหลายปีก่อน อย่างเช่น PMU ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่ม โดยมีอิหร่านให้การสนับสนุน

 

          “เซลล์” หรือ “เครือข่ายย่อย” ของกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้กระจายไปทั่วโลก ยกตัวอย่างประเทศไทย ก็เคยจับกุม นายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ได้เมื่อต้นปี 2555 โดยนายอาทริสยอมรับว่าตนเองเป็นสมาชิกกลุ่ม “ฮิซบุลเลาะห์” เข้ามาจัดหา “ปุ๋ยยูเรีย” และ “แอมโมเนียไนเตรท” ซึ่งเป็นสารประกอบระเบิด กักตุนไว้ถึง 4 ตัน ซุกอยู่ในโกดังแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร


          คำให้การของ นายอาทริส ฮุสเซน อ้างว่าเข้ามาจัดหาสารเคมีเหล่านี้ เพื่อส่งต่อไปยังเครือข่ายของตนในตะวันออกกลาง แต่ก็มีข่าวบางกระแสอ้างว่า นายอาทริส มีแผนเตรียมก่อเหตุโจมตีผลประโยชน์ของอิสราเอลและสหรัฐในประเทศไทยด้วย โดยใช้วิธี “คาร์บอมบ์” ขณะที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน




          จากนั้นในปีเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดในแบบที่เรียกว่า “ผิดพลาด” ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ “วาเลนไทน์บอมบ์” โดยเกิดระเบิดที่บ้านเช่าหลังหนึ่งภายในซอยย่านสุขุมวิท 71 เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นบ้านที่มีชายชาวอิหร่านเช่าเอาไว้ และมีการสะสมระเบิดเพื่อเตรียมก่อเหตุโจมตีบุคคลสำคัญของอิสราเอลที่มีกำหนดการเยือนประเทศไทย มีการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์แบบโอนลอยมาใช้สำหรับปฏิบัติการด้วย


          แต่การเก็บระเบิดหรือต่อวงจรอาจมีข้อผิดพลาด ทำให้เกิดระเบิดขึ้น ชายชาวอิหร่าน 4 คนซึ่งคาดว่าเป็น “มือปฏิบัติการ” จึงกระจายกันหลบหนี และมีคนหนึ่งปาระเบิดใส่แท็กซี่ เพราะโกรธที่โชเฟอร์ไม่ยอมจอดรับขึ้นรถ แต่ระเบิดพลาดไปติดสายไฟฟ้า ย้อนกลับมาระเบิดตัวเองขาขาด จึงถูกจับกุม ส่วนคนอื่นๆ หลบหนีไปได้


          เหตุวาเลนไทน์บอมบ์ เกิดขึ้นต่อเนื่องกับเหตุระเบิดรถยนต์ของสถานทูตอิสราเอลในอินเดีย และคาร์บอมบ์ในจอร์เจีย ก่อนจะขยับมาที่ไทย


          ย้อนกลับไปเมื่อปี 2537 ชายชาวอิหร่านก็เคยพยายามก่อเหตุระเบิดโจมตีสถานทูตอิสราเอล โดยใช้รถหกล้อขนาดใหญ่บรรทุกระเบิดที่่ทำจากปุ๋ยยูเรียและซีโฟร์ เรียกว่า “truck bomb” ขับมุ่งหน้าไปยังสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย แต่โชคดีที่รถเกิดเฉี่ยวชนกับรถมอเตอร์ไซค์แถวๆ ชิดลม ทำให้ชายชาวอิหร่านทิ้งรถหลบหนีไป


          นี่คือความน่ากลัวของเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน และปฏิบัติการของกลุ่มเหล่านี้ก็แม่นยำและทรงอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากชาติมหาอำนาจใหม่ในเอเชีย อย่างเมื่อปีที่แล้วก็มีการล็อกเป้าโจมตีเรือน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย พันธมิตรของสหรัฐไปหลายครั้ง จนแทบจะเกิดวิกฤติน้ำมันและความตึงเครียดระลอกใหม่ในตะวันออกกลาง


          ศึกครั้งนี้คงไม่จบง่าย !

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ