บช.ก.สั่งตั้งทีมพิเศษ สางปมที่ดินมรดกเลือด 3,800 ไร่

                วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ที่ กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) รับผิดชอบงานสอบสวน เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีข้อพิพาทที่ดิน จำนวน 3,800 ไร่ ที่เป็นคดีโด่งดังหลังเกิดเหตุการณ์ยิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรี ว่า ภายหลังกองปราบฯได้รับแจ้งจากมูลนิธิให้ตัวแทนมาดำเนินคดีกับนายบุญช่วย เจริญสถาพร ผู้ที่อ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเอง ในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยทางกองปราบฯได้ตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพยานบุคคลโดยพบหลักฐานที่สามรถบ่งชี้ชัดเจน มีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินการเพิ่มเติมเรื่องพยาน เพื่อให้ควบคุมชัดเจน บทสรุปสุดจะได้ตอบคำถามให้สังคม

                พันตำรวจเอก เอนก กล่าวต่อว่า กองปราบฯมีหน้าที่ค้นหาความจริง จะบอกว่าชุดความจริงมีเพียงชุดเดียว ที่ดินเป็นของใคร ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จากการสอบสวนพบว่า มีบุคคลอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ในความผิดอื่นๆ เช่น เรื่องแจ้งเอกสารเท็จ ในกฎหมายมาตราอื่น ตามรูปคดีไม่น่าจะมีผู้กระทำความผิดเพียงรายเดียว เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและใหญ่ บุคคลเดียวไม่สามารถทำได้

                พันตำรวจเอก เอนก ระบุด้วยว่า ล่าสุดทาง กองบังบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้สั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา เนื่องจากเห็นว่าเนื้องานทางคดีมีปริมาณมาก รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องที่ดินจังหวัดชลบุรี จังหวัดสงขลา จึงได้มีพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานเข้ามาช่วยในการทำคดี เช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ที่จะเข้ามาดูรายละเอียดด้านที่ดิน และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นผู้ดูงานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ตรวจสอบให้ได้ความกระจ่าง

                “กองปราบฯมีจุดยืน ทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะฉะนั้นไม่เอนเอียงไปฝ่ายใด ทำเพื่อหาข้อเท็จ และผลของกฎหมายคืออะไร โดยจะกรณีนี้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพื่อความชัดเจน” พันตำรวจเอก เอนก กล่าว

                พันตำรวจเอก เอนก กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในส่วนคดี 3,800 ไร่ คาดว่าจะใช้เวลาในการทำงานประมาณ 2 เดือน ส่วนที่ดินแปลงอื่นก็ทำคู่ขนาน เพื่อให้ทราบว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นของใคร และอื่นๆ เป็นของใคร