เปิดใจ ตั้ม โอนนาน ถูกสาวปลอมเฟซแสร้งรัก หลอกโอนเงิน 7 ล้าน

 

             วันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายรัฐนันท์ ธนทรัพย์ปรีชา หรือ ตั้ม อาชีพรับเหมาออกแบบจัดสวน พร้อม ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภิภพ กลมกลึง รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. หลังถูกมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กเป็น “น้องขิม” นางเอกมิวสิควิดีโอค่ายดัง หลอกลวงให้โอนเงินมาเป็นเวลา 4 ปี จนปัจจุบันสูญเงินเป็นมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ทั้งยังเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายลงมือเป็นขบวนการ

 

 

 

             นายรัฐนันท์ กล่าวว่า เมื่อปี 2558 ตนผิดหวังกับความรักและเครียดกับธุรกิจที่ล่ม อยู่ในช่วงอ่อนแอของชีวิต จึงเล่นเฟซบุ๊กจนได้เจอ “ขิม” มิจฉาชีพรายนี้ และได้พูดคุยกันแบบหนุ่มจีบสาว โดยคนร้ายอ้างตัวว่าเป็นนางแบบเอ็มวีค่ายดังย่านอโศก พร้อมทั้งส่งรูปภาพมาให้ดู จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี ทั้งทางเฟซบุ๊ก ไลน์ และโทรศัพท์ โดยตนโอนเงินไปมากกว่า 262 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ซึ่งระหว่างนั้นคนร้ายอ้างว่าต้องใช้เงินใช้จ่ายหลายอย่าง เนื่องจากไม่ได้ทำงาน เพราะป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องเข้ารับการรักษา พร้อมส่งรูปไอเป็นเลือด ตนจึงเกิดความสงสาร โอนเงินให้ไป 3 หมื่นบาท  เพราะขนาดหมาแมวตนยังเก็บมาเลี้ยงตั้งหลายตัว และนี่เป็นคนทำไมตนจึงจะช่วยเหลือไม่ได้ กระทั่งต่อมาได้คุยกันถึงขั้นจะสร้างเรือนหอดาวน์บ้านสำหรับตนทั้งสองคน จากนั้นจึงได้โอนเงินให้เรื่อยมา

             นายรัฐนันท์ เล่าต่ออีกว่า เมื่อปลายปี 2561 ตนได้ทะเลาะกับขิม และเลิกติดต่อกันไปสักพักหนึ่ง แล้วตนก็ได้พูดคุยกับเมย์ หญิงสาวอีกรายทางเฟซบุ๊ก จนขิมติดต่อกลับมา และบอกตนว่าเมย์มีส่วนพัวพันกับเรื่องยาเสพติด ขิมรู้จักกับผู้ใหญ่จะช่วยเคลียร์เรื่องทางคดีให้ โดยต้องจ่ายเงิน 9 แสนบาท ตนจึงโอนให้ แต่เรื่องยังไม่จบ และขิมบอกว่าเงินยังไม่พอ ให้โอนไปอีก 2 ล้านบาท เพื่อหักลบหนี้ที่เคยโอนไปให้ทั้งหมด รวมเงินที่โอนเบ็ดเสร็จ 7 ล้านบาท แต่ระหว่างนั้นขิมยังโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ตนและแม่เป็นระยะๆ กดดันให้โอนเงินอีก จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตนนำเลขบัญชี 2 บัญชีไปตรวจสอบ จึงทราบชื่อและใบหน้าเจ้าของบัญชีที่แท้จริงว่าไม่ตรงปกกับภาพในเฟซบุ๊ก จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และได้รวบรวมหลักฐานการแชทพูดคุย รวมถึงสลิปโอนเงินและคลิปเสียงมาประกอบการแจ้งความในวันนี้ ทั้งนี้ตนยอมรับว่าที่โอนเงินไปให้เพราะความสงสารและความรัก แม้จะไม่เคยเห็นตัวจริงก็ตาม

 

 

 

 

             เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ลงในบันทึกประจำวัน ก่อนสอบปากคำผู้ร้องทุกข์อย่างละเอียด พร้อมประสานการทำงานกับกองปราบปราม เนื่องจากลักษณะการกระทำเข้าข่ายโรแมนสแกม หรือหลอกรักออนไลน์ ซึ่งมิจฉาชีพมีวิธีหลอกลวงเหยื่อโดยนำใบหน้าผู้อื่นมาสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม มาพูดคุยให้เกิดความรัก โดยจะสร้างเรื่องราวต่างๆ ทั้งหลอกลงทุน รับมรดก หรืออ้างความเจ็บป่วย ทำให้เกิดความสงสารเห็นใจ ปกติแล้วคนร้ายที่ก่อเหตุมักจะเป็นชาวต่างชาติผิวสี แต่ระยะหลังเริ่มมีคนไทยก่อเหตุมากขึ้น จึงขอฝากเตือนประชาชนว่า หากติดต่อกับผู้ใดและจำเป็นต้องโอนเงิน ควรนัดเจอเพื่อพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เพราะคนร้ายจะปฏิเสธการพบเจอ หรือแม้แต่วิดีโอคอล