ข่าว

เมื่อโรงพยาบาล...ถูกแก๊งอันธพาลคุกคาม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ล่าความจริง..พิกัดข่าว โดย... ปกรณ์ พึ่งเนตร

 

 

          ปัญหาการใช้ความรุนแรง ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล โดยเฉพาะจากน้ำมือกลุ่มวัยรุ่นอันธพาล ระยะหลังเกิดขึ้นบ่อยมาก


          เฉพาะเมื่อคืนวันอาทิตย์ต่อเนื่องวันจันทร์ (19-20 พ.ค.) ก็เกิด 2 เหตุการณ์ ที่โรงพยาบาลเหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร

 

 

          ที่โรงพยาบาลเหล่าเสือโก้ก ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัย 41 ปี ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ควงมีดปังตอบุกฟันหน้าคู่อริที่กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินจนได้รับบาดเจ็บสาหัส อุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับความเสียหาย โดยเป็นเหตุที่ลุกลามมาจากเหตุชกต่อยกันในงานบุญหมู่บ้าน

 

 

เมื่อโรงพยาบาล...ถูกแก๊งอันธพาลคุกคาม

 

 


          ส่วนที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา กลุ่มวัยรุ่นหัวร้อนทะเลาะกันมาจากงานบุญบั้งไฟ ตามมาเล่นงานคู่อริต่อ เจอคนแก่ขาพิการมาขวางก็ไม่สนใจ รุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไปอีกคน


          ระยะหลัง เหตุการณ์ความรุนแรงในโรงพยาบาลเกิดขึ้นถี่ยิบ ทำให้โรงพยาบาลที่ควรเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” กลายเป็น “พื้นที่เสี่ยงภัย” ไม่ต่างอะไรกับในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ก่อเหตุรุนแรงกันไม่เว้นแม้แต่ในโรงพยาบาล


          เรียบเรียงสถิติเฉพาะปีนี้เกิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ย้อนกลับไปปี 61 ปี 60 ปี 59 ปี 58 ก็มีเหตุรุนแรงในโรงพยาบาลเกิดขึ้นให้เศร้าสลด


          นอกจากนั้นยังมีเหตุที่กระทำรุนแรงต่อบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง อย่างเมื่อปี 55 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงศีรษะบุรุษพยาบาล โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เสียชีวิตคาห้องฉุกเฉิน เพราะไม่พอใจที่พาภรรยามารักษา แต่บุรุษพยาบาลถามมาก ไม่ยอมเริ่มรักษา จึงชักปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต

 

 

 

 

เมื่อโรงพยาบาล...ถูกแก๊งอันธพาลคุกคาม



          ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับบุคลากรทางการแพทย์ หลายเหตุการณ์มีภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น ทั้งๆ ที่งานประจำก็หนักและเสี่ยงอยู่แล้ว


          ปุญญิศา วัจฉละอนันท์ ตัวแทนสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย บอกว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลถือเป็นปัญหาระดับชาติ และสถิติการเกิดเหตุก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ หากสังเกตจะพบว่า มักเกิดในช่วงกลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่น้อย ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัว ที่ผ่านมาแม้จะมีการประสานงานร่วมกับตำรวจและอัยการในการป้องกันเหตุ แต่ก็ยังเกิดปัญหาแบบเดิมไม่หยุดหย่อน


          แนวทางที่เคยเสนอก็เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม, การติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธที่เชื่อมต่อไปยังสถานีตำรวจ, การทบทวนโครงสร้างของห้องฉุกเฉินให้มีทางออกสำหรับเจ้าหน้าที่ เพราะส่วนใหญ่ห้องฉุกเฉินจะมีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียว เมื่อเกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหลบหนีได้


          นอกจากนี้ ยังขอฝากให้สังคมได้รับทราบว่า อุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐที่ใช้รักษาชีวิตผู้ป่วยนั้น มีราคาสูงมาก ที่สำคัญหากถูกทำลายเสียหาย นั่นหมายความว่าคนในชุมชน ตำบล หรืออำเภอ จะไม่มีอุปกรณ์สำหรับรักษา ต้องรอจัดซื้อใหม่ ซึ่งใช้เวลานานมาก


          ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาตรการ 7 ข้อ สำหรับป้องกันเหตุรุนแรงในโรงพยาบาล ซึ่งมาตรการหลักๆ ก็คล้ายๆ กับที่ทางตัวแทนสหภาพพยาบาลฯเสนอเอาไว้ ที่เพิ่มขึ้นมาคือมี “ประตูนิรภัย” แบบล็อกได้ทันที และสื่อสารญาติผู้ป่วยเป็นระยะเพื่อลดความกังวล


          ประเด็นที่น่าคิดก็คือ โรงพยาบาลเสียหายจากพวกแก๊งอันธพาล แต่กลับต้องเสียงบประมาณเพิ่ม ทั้งติดกล้องวงจรปิด ติดประตูนิรภัย ติดสัญญาณฉุกเฉิน ซึ่งล้วนต้องใช้เงินภาษีของประชาชน และต้องใช้เวลา คำถามคือ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้กฎหมายลงโทษคนพวกนี้ให้เด็ดขาด แม้ว่าการก่อเหตุร้ายในโรงพยาบาลจะไม่ใช่ “เหตุฉกรรจ์ ต้องลงโทษบกหนักตามกฎหมายอาญา” ก็ตาม


          “ล่าความจริง” พูดคุยกับ ประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ความว่า การบรรยายฟ้องของอัยการจะดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ถ้ามีพฤติการณ์ทำร้ายร่างกายคนเจ็บ หรือคนที่บาดเจ็บสาหัสที่รักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่แล้ว ก็อาจตั้งข้อหาพยายามฆ่า ถ้าเข้าไปทำร้ายในเขตหวงห้ามเฉพาะสำหรับแพทย์-พยาบาลเท่านั้น ก็เข้าข่ายบุกรุก หรือร่วมกันบุกรุก หรือร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษเพิ่มขึ้น มีโทษจำคุกสถานหนัก


          และหากการกระทำของผู้ต้องหาทำให้เครื่องมือแพทย์พังเสียหาย ก็จะถูกตั้งข้อหาเจตนาทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดทางอาญาควบแพ่ง สามารถฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายได้


          งานนี้จึงต้องฝากพนักงานสอบสวนและอัยการ ในฐานะกระบวนการยุติธรรมชั้นก่อนฟ้อง บรรยายฟ้องให้ชัด เพื่อให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจลงโทษสถานหนักได้ เพราะคนพวกนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนให้สุจริตชน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ