ข่าว

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคนั้น เป็นขบวนที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปวัด บางโอกาสเสด็จเลียบพระนคร เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี..."

       


          ขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค หรือขบวนเสด็จพระราชดำเนินทางบกนั้น เป็นขบวนที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปวัด เช่น เสด็จฯ ไปนมัสการพระพุทธบาท หรือเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน บางโอกาสเสด็จเลียบพระนคร เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคสองครั้ง คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้จัดกระบวนแห่เลียบพระนครครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค พระมหากษัตริย์จะทรงฉลองพระองค์อย่างสง่างามตามแบบเครื่องทรงกษัตริย์ ส่วนผู้ร่วมในขบวนเสด็จจะแต่งกายตามโบราณราชประเพณี

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 

          พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ ในวันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน และพระบรมราชสรีรางคาร

 

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 


          การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ จากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ออกทางประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาสู่ถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ถึงแยกผ่านพิภพลีลา เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ถึงแยกคอกวัว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว ถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงนมัสการพระพุทธชินสีห์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

 

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 

 

 


 

          จากนั้นประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯ ไปตามเส้นทางถนนพระสุเมรุ ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านแยกคอกวัว ถึงแยกผ่านพิภพลีลา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอัษฎางค์ ถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงนมัสการพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ และถวายสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 


          เสด็จฯ ออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทับพระราชยานพุดตานทอง จากนั้นเสด็จฯ ไปตามถนนเฟื่องนคร ถึงแยกสี่กั๊กพระยาศรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจริญกรุง ผ่านกองพันทหารราบ ศูนย์การกำลังสำรอง ถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เสด็จฯ เข้าไปยังพระอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธาน และถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 


          จากนั้นเสด็จฯ ไปตามเส้นทางถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนมหาราช และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี ถึงพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นอันเสร็จสิ้นริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค รวมระยะทางทั้งสิ้น 6.77 กิโลเมตร ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที    

 

          รูปแบบการจัดลำดับและวางตำแหน่งในริ้วขบวน    
          สำหรับริ้วขบวนที่ 3 ถือเป็นริ้วขบวนเดียวที่มีเส้นทางออกนอกพระบรมมหาราชวัง เพื่อไปยังจุดต่างๆ ของเกาะรัตนโกสินทร์ มีการวางตำแหน่งต่างๆ ภายในริ้วขบวนเพื่อความสง่างาม สมพระเกียรติ โดยแบ่งเป็นตอนๆ เริ่มจากม้านำ 2 ม้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดุริยางค์ทหารบกนำขบวน 109 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 เป็นผู้บัญชาการกองผสม 1 นาย ทส.ผบก.กองผสม 1 นาย นายทหารประจำกองผสม 8 นาย กองพันทหารเกียรติยศนำจาก ร.1.รอ.166 นาย หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 นำริ้ว 1 นาย ต่อมาเป็นกลองมโหระทึก 16 นาย สารวัตรกลอง 4 นาย กลองชนะลายเงิน 40 นาย กลองเงิน 40 นาย กลองชนะแถวลายทอง 40 นาย กลองชนะลายทอง 40 นาย สารวัตร 2 นาย แตรฝรั่ง 20 นาย แตรงอน 32 นาย สังข์ 8 นาย

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 


          ถัดมาเป็นตอนผู้อำนวยการริ้ว ซึ่งประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวม 13 นาย ตามด้วยเครื่องสูงหน้าประกอบด้วย ธงสามชาย 4 นาย ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้า 40 นาย

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 


          จากนั้นเป็นพระราชยานพุดตานทอง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับ ซึ่งจะมีคู่เคียงพระราชยาน อันเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ฯ ฝ่ายพลเรือน และฝ่ายทหารอยู่คู่เคียงพระราชยานทั้ง 2 ฝั่ง ถัดมาเป็นฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง 40 นาย ดุริยางค์กองทัพบก 74 นาย และปิดท้ายด้วยกองพันตามจากทหารกองพันเกียรติยศ ร.11.รอ.จำนวน 166 นาย รวมใช้กำลังพลทั้งสิ้น 1,336 นาย  

 


          บุคคลสำคัญในริ้วขบวน
          ในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ เบื้องต้นได้มีการแจ้งรายชื่อบุคคลสำคัญอยู่ในตอนผู้อำนวยการริ้ว อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร., พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก อยู่ในส่วนแถวแซงเสด็จพระราชยานพุดตานทอง เป็นต้น

 

 

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 


          จังหวะก้าวเดิน และเพลงประกอบริ้วขบวน
          ทั้งจำนวนกำลังพลและความยาวของริ้วขบวน ความพร้อมเพรียงสง่างามถือเป็นหัวใจสำคัญ ครั้งนี้ได้เชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำนวน 6 บทเพลง ได้แก่ เพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล, มาร์ชราชวัลลภ, ใกล้รุ่ง, ยามเย็น, สรรเสริญเสือป่า และสรรเสริญพระนารายณ์ บรรเลงโดยวงดุริยางค์ประกอบระหว่างเดินริ้วขบวนด้วย ขณะที่ใน 3 จุดหมายที่ริ้วขบวนเคลื่อนไปถึง ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม มีการจัดทหารกองเกียรติยศยืนตั้งแถวรอรับเสด็จเพื่อถวายความเคารพและบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี


          น่าสนใจว่า ริ้วขบวนที่ 3 ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น 403 เมตรนี้ แม้จะเป็นริ้วขนาดใหญ่และมีความยาวที่สุด หากแต่ผู้ร่วมริ้วขบวนต่างสามารถเดินและก้าวเท้าได้อย่างพร้อมเพรียงกัน ที่เป็นเช่นก็เนื่องจากในการก้าวเดินได้มีการกำหนดจังหวะไม่ช้าหรือเร็วเกินไปไว้ที่ 75 ก้าวต่อนาที ในความยาวของแต่ละก้าวที่ 40 เซนติเมตร อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการกระจายเสียงพร้อมกันทุกจุด เพื่อให้การก้าวเท้าตั้งแต่แถวหน้าสุดไปจนถึงท้ายสุดมีความพร้อมเพรียงกัน เกิดความความสง่างามและสมพระเกียรติที่สุดนั่นเอง

 

ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราทางสถลมารค    

 

 


          ร่วมชื่นชมความงดงามของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ และบันทึกหน้าประวัติศาสตร์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 โดยพร้อมใจกันสวมใส่เสื่้อสีเหลืองเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10” ในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ เวลาประมาณ 16.30 น.
   
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ