ข่าว

"ตำรวจ"เชื่อคนร้ายยิงวัยรุ่นคู่กรณีตำรวจมืออาชีพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศรีสะเกษ-เชื่อคนร้ายยิงวัยรุ่นคู่กรณีตำรวจน่าจะเป็นมืออาชีพ เหตุยิงแม่นเหมือนจับวาง คาดออกหมายจับเร็ว ๆ นี้ แม่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมเผาศพลูกชาย

 

                     22 เมษายน 2562 ที่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 13 ตำบลท่าคล้อ อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ นางจำรัส รักษาเชื้อ อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมสามี และญาติพี่น้อง นำศพนายสุทัศน์ หรือเต๋า ประเสริฐ อายุ 23 ปี ลูกชายมาตั้งบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมตามประเพณี

 

 

                     ทั้งนี้หลังจากที่นายสุทัศน์ถูกคนร้ายลอบยิงจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อตอนสามทุ่มคืนวันที่ 19 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งนางจำรัส เล่าว่า ลูกชายมีเรื่องเป็นคดีกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์

 

                     โดยลูกชาย 2 คน คือ นายสุทัศน์ หรือเต๋ากับน้องชาย คือนายชัยวัฒน์ รักษาเชื้อ อายุ 19 ปี ถูกแจ้งข้อหาว่า ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ เพิ่งไปขึ้นศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ไกล่เกลี่ยคดีมาในวันที่ 19 เมษายน 2562  ซึ่งในตอนแรกฝ่ายตำรวจได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายหรือสินไหมทดแทน เป็นเงิน 460,000 บาทโดยการไกล่เกลี่ยตกลงค่าเสียหายกันอยู่ที่ 100,000 บาท ทั้งสองฝ่ายพอใจจึงได้แยกย้ายกันกลับ แต่ก่อนที่จะกลับ ได้มีผู้หวังดีแจ้งให้กับนายสุทัศน์ และนายชัยวัฒน์ ว่าให้ระวังตัวไว้นะ เพราะมีคนปองร้ายอยู่

 

                     นายชัยวัฒน์ รักษาเชื้อ น้องชายของนายสุทัศน์ หรือเต๋า ซึ่งก็คือผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2562 ตนพร้อมพี่ชาย คือผู้ตายได้เดินทางไปไกล่เกลี่ยในคดีดังกล่าว ซึ่งตอนแรกทางฝ่ายตำรวจได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายมาสูงมาก ทางบ้านคือพ่อกับแม่ยังไม่มีเงิน จึงได้ต่อรองลงมาเหลืออยู่ที่ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) ทั้งสองฝ่ายพอใจจึงได้แยกย้ายกันกลับ แต่ทางฝ่ายตนซึ่งมีพี่ชาย ลุง ป้า น้า อายังมีเงินไม่พอ จะขอนัดจ่ายในวันที่ 23 เมษายน 2562 แต่พอในเวลากลางคืนพี่ชายก็มาถูกยิงตาย ก่อนหน้านั้น หลังจากที่ถูกตำรวจไล่ติดตามจนมีเรื่องแล้ว ตนได้ไปเที่ยวงานโรตารี่แฟร์ ก็ถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือ พาไปซ้อมอยู่ที่จอดรถของตำรวจ ซึ่งขณะที่ตำรวจซ้อมตนนั้นก็มีคนเห็นมากมาย  แต่ตำรวจไม่ได้เกรงกลัวสายตาชาวบ้าน หลังจากที่ซ้อมเป็นที่พอใจแล้วตนเจ็บมากแล้วจึงนำตนไปขังให้ห้องขังที่สถานีตำรวจกันทรลักษ์ เช้าวันรุ่งขึ้นจึงนำตนมาเปรียบเทียบปรับ 100 บาทในข้อหาเมาเหล้า

 

                     นายชัยวัฒน์ เล่าต่อว่า เรื่องที่มีปัญหาเป็นคดีความกันอยู่นี้ ก็เนื่องมาจากเมื่อวันก่อนงานลอยกระทงปี 2561 วันนั้น ตนและพี่ชายที่เสียชีวิต พร้อมเพื่อนรวมประมาณ 5-6 คน พากันไปเที่ยวงานหมอลำก่อนลอยกระทง พอไปถึงรู้ว่าไม่มีหมอลำ จึงได้ชวนกันกลับบ้าน โดยตนขับรถจักรยานยนต์คนหนึ่งมีเพื่อนซ้อนท้าย ขับตามรถเพื่อนเป็นคันที่สอง เมื่อมาถึงระหว่างทาง มีตำรวจยืนเรียกรถอยู่ข้างหน้า ตนไม่เห็นเพื่อนที่ขี่รถคันหน้าได้เบรกรถกระทันหันตนเบรกไม่ทันจึงหักรถหลบออกทางขวาตั้งใจจะแซงขึ้นไป ขณะนั้นตำรวจที่ดักอยู่ได้ขว้างกระบองใส่ตนจนเพื่อนต้องกระโดดลงจากรถวิ่งหลบหนี

 

                     ส่วนตนก็ขี่รถกลับไปทางสี่แยกบ้านจาน รถจักรยานยนต์ตำรวจก็ไล่ตามมาพร้อมกับมีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ตนกลัวจึงได้เร่งเครื่องหนีไปจนถึง ทางหลวงหมายเลข 24 ถนนสายโชคชัยเดินอุดม จึงได้เลี้ยวซ้ายไปหาพ่อกับแม่ที่นอนอยู่สวนที่ทุ่งนา บ้านโพนทอง หมู่ 13 ตำบลจานใหญ่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อตนเลี้ยวรถเข้าไปที่สวนตำรวจก็ยังขับรถไล่ตามเข้าไป ตนเรียกพ่อแม่ให้ออกมาช่วย บอกว่ามีคนไล่ฆ่า พ่อแม่ออกมาเห็นว่าเป็นตำรวจในเครื่องแบบแต่ดึกแล้ว จึงบอกว่าให้กลับไปก่อนพรุ่งนี้จะไปพบแล้วค่อยคุยกัน ถ้าลูกผิดจะยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ตำรวจไม่ยอมกลับ แล้วยังวิทยุเรียกกำลังมาเสริมอีก 2 คันรถกระบะ                    

 

                   ตนจึงได้โทรศัพท์บอกพี่ชายว่าถูกตำรวจไล่ตามมาที่สวน พี่ชายพร้อมเพื่อนซึ่งขับรถตามหลังจึงพากันมาที่สวน มาถึงก็มีการผลักกันดันกันไปมา พี่ชายก็จะดันให้ตำรวจออกไปจากบ้าน ตำรวจก็จะเข้าไปในบ้านเพื่อไปหาตน เมื่อผลักดันกันไปมาพี่ชายเห็นว่าเป็นในบ้านของพ่อแม่ตัวเอง จึงคิดว่าจะป้องสิทธิของตัวเองจึงได้ใช้หมัดชกเข้าที่ใบหน้าตำรวจคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ตำรวจอีกคนจึงยิงปืน 2 นัดโดยที่ตนไม่รู้ว่ายิงไปทางไหน

 

                   หลังจากที่มีเสียงปืนดังขึ้น ตนพร้อมกับพี่ชายและเพื่อน ๆ ได้พากันหลบหนีไปทางด้านหลังบ้าน รุ่งขึ้น พ่อกับแม่ไปที่สถานีตำรวจเพื่อจะแจ้งความถูกตำรวจบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาล และพยายามฆ่า เพราะมีการยิงปืน พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ แต่ได้รับแจ้งความร้องทุกข์ของตำรวจที่ถูกพี่ชายชกต่อย พ่อแม่จึงไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ จนกระทั่งอีกสองสามวันต่อมาตนพร้อมพี่ชายจึงเข้าพบกับพนักงานสอบสวน ซึ่งเพื่อนๆ ที่ไปที่บ้านด้วยไม่ได้ร่วมในการเข้าไปทำร้ายตำรวจแต่ก็ถูกแจ้งข้อหาว่าร่วมกันด้วย

 

                   ต่อมาศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ได้นัดไกล่เกลี่ยคดีนี้ ในวันที่ 19 เมษายน 2562 พ่อแม่ พร้อมกับตนและพี่ชายก็ได้ไปไกล่เกลี่ยที่ศาล ทางคู่กรณีคือตำรวจ ได้เรียกเงิน 460,000 บาท จากการไกล่เกลี่ยได้ตกลงกันอยู่ที่ 100,000 บาท พ่อกับแม่นัดนำเงินมาจ่ายวันที่ 23 เมษายน 2562 แต่ยังไม่ทันถึงวันนัดพี่ชายก็มีถูกยิงเสียชีวิตก่อน

 

                   ด้านนางจำรัส รักษาเชื้อ แม่ของลูกทั้งสองคือ นายสุทัศน์ หรือเต๋าผู้ตาย และชัยวัฒน์น้องชาย เล่าว่า ตอนที่ลูกคนเล็กขับรถหนีการไล่ล่าติดตามของตำรวจแบบไม่คิดชีวิต มาถึงบ้านที่สวนลูกไม่ได้จอดรถ แต่ทิ้งรถล้มลงแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อกับแม่ในบ้าน ตำรวจจะเอาเรื่องกับลูกให้ได้ตนบอกว่าเช้าค่อยคุยกัน แต่เขาก็ไม่ยอม ตอนนี้ ลูกชายคนโตถูกยิงตายแล้วขอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามคนก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ถ้ายังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องคดีตนจะยังไม่เผาศพลูกจะรถจนกว่าคนก่อเหตุจะถูกจับกุม

 

                   ที่ สภ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.ศรีสะเกษ และชุดสืบสวน สภ.เบญจลักษ์ ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่เก็บมาได้จากกล้องตามรายทาง ร้านค้าที่อยู่ในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี  สืบเนื่องจาก กรณีที่มีคนร้ายลอบใช้อาวุธปืนยิงนายสุทัศน์ หรือเต๋า ประเสริฐ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 41 หมู่ 13 ต.ท่าคล้อ อ.เบญจลักษ์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่19 เม.ย. 2562 ซึ่งผู้เสียชีวิตได้มีเรื่องขัดแย้ง เป็นคู่กรณีกับตำรวจสังกัด สภ.กันทรลักษ์ มาก่อน 

 

                   ความคืบหน้าของคดีนี้ พ.ต.อ. สิราวิชญ์ นวมดี ผกก.สภ.เบญจลักษ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า หลังจากเกิดเหตุ ตนได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ใกล้เคียง และตามพื้นที่ต้องสงสัยต่างๆ รวมถึง ตำรวจที่เคยเป็นคู่กรณีเก่ากันมา ก็ได้เชิญตัวมาสอบปากคำและตรวจหาเขม่าดินปืน พร้อมกับนำปาวุธปืนประจำกายส่งไปตรวจหาร่องรอยการยิง นอกจากนั้น ก็ยังได้ให้ตำรวจไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่าง เพื่อหาเบาะแสคนร้ายและร่องรอยของยานพาหนะที่ผู้ก่อเหตุใช้ในวันเกิดเหตุ

 

                   "จากการดูพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุ คาดว่า น่าจะเป็นมือปืนอาชีพ ยิงแม่น ยิงแบบหวังผล ถูกเป้าหมายที่เป็นจุดตาย ถึงเวลานี้ ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์และที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้เร่งขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พ.ต.อ. สิราวิชญ์ " กล่าว

 

 

                   เรื่องโดย : พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์  ภาพโดย : พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ