ตามรฟม.ท่อง"สวนพฤกษศาสตร์ฯ" ร่วมปลูกต้นไม้ลดฝุ่นพิษพีเอ็ม2.5.
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 6,500 ไร่ ในอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ บริเวณกม.ที่ 12 บนถนนสายแม่ริม-สะเมิง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 27 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนด้านพืชที่สำคัญของประเทศอีกด้วย
“ท่องโลกเกษตร”อาทิตย์นี้ตามคณะผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นำโดย ฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการฯฝ่ายบริหาร นำคณะเจ้าหน้าที่รฟม.และคณะสื่อมวลชนกว่า 40 ชีวิตเข้าร่วมทำกิจกรรม “รฟม.รวมใจพี่น้องสื่อมวลชนปลูกป่าสร้างออกซิเจนคืนสู่ธรรมชาติ” ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์แห่งนี้ หลังฟังบรรยายสรุปการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสวนจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นจึงนั่งรถรางเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในจ.เชียงใหม่ โดยมี เกศินีกานต์ เอกกิตติธนภูมิ หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และการตลาด องค์การสวนพฤกษศาสตร์ฯเป็นผู้นำพาไปยังสถานที่ดังกล่าว
หลังเสร็จจากการปลูกต้นไม้ จึงมาเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้บน Canopy Walks ระยะทางกว่า 500 เมตรที่ถูกออกแบบอย่างลงตัวด้วยโครงสร้างเหล็กกล้า ฉาบด้วยสีเทาอมเขียวกลมกลืนกับสภาพธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งระยะทางบางช่วงยังคงสร้างความตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่กลัวความสูง แต่มีราวกั้น ไม่เพียงแต่ความตื่นเต้นสนุกสนาน และความงามของทัศนียภาพที่นักท่องเที่ยวจะได้รับจากเส้นทางนี้ แต่ยังได้รับความรู้ทางพฤกษศาสตร์ ที่เข้าใจง่าย ผ่านป้ายสื่อความหมายที่จัดแสดงไว้ตลอดระยะทางการเดินชม โดยมีพรรณไม้เด่น อาทิ เสี้ยวเครือดอกขาว จำปาทอง สัก ตะแบก ทองหลางป่า ทะโล้ มะหาด กล้วยป่า เป็นต้น
เราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการเดินชมธรรมชาติบน Canopy Walks จากนั้นนั่งรถรางต่อไปยังโซนกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ (Glasshouse Complex) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงพรรณไม้ที่มีความโดดเด่น พรรณไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ จากหลากหลายระบบนิเวศ จัดแสดงไว้ในโรงเรือนให้คล้ายคลึงกับลักษณะที่พืชขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
เมื่อเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้จะได้พบกับ เรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforests) ที่จัดแสดงสภาพป่าและพันธุ์ไม้ในป่าดิบชื้น พืชเฉพาะถิ่นและพืชหายากทางภาคใต้ อาทิ เถาใบสีทอง ปาล์มเจ้าเมืองตรัง ปาล์มเจ้าเมืองถลาง ปาล์มบังสูรย์ กะทือพิลาส หมากแดง กล้วยศรีนรา และดาหลาขาว นอกจากนี้ยังมีการปรับภูมิทัศน์ให้มีความสวยงามด้วยน้ำตกและถ้ำมีทางเดินยกระดับสามารถเดินชมเรือนยอดพรรณไม้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามของเรือนยอดพืชจากมุมสูงอย่างทั่วถึง
ถัดมาเป็นเรือนไม้น้ำ (Water Plants) ภายในมีการจัดแสดงไม้น้ำ ทั้งพันธุ์บัวของไทย และจากต่างประเทศ อาทิ บัวหลวง บัวสาย และบัวกระด้ง บัวมีหนามที่มีลักษณะใบใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งการจัดตกแต่งเสริมด้วยพรรณไม้น้ำ ไม้ชุ่มน้ำชนิดต่าง ๆ อาทิ กกอียิปต์ กกลังกา กระจูด พลับพลึงดอกขาว อีกฟากก็จะเป็นเรือนกล้วยไม้และเฟิน (Orchids and Ferns) ภายในมีการจัดแสดงกล้วยไม้และเฟิน โดยจัดปลูกกล้วยไม้ไทยและกล้วยไม้ลูกผสมตลอดทั้งปี เช่น ว่านเพชรหึงหรือว่านหางช้าง กล้วยไม้ที่มี ลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก และวนิลา กล้วยไม้ที่มีลำต้นยาวที่สุดในโลก ฝักมีกลิ่นหอม ใช้ทำขนมหรือไอศกรีม
เดินมาอีกนิดก็จะเจอเรือนพืชทนแล้ง (Arid Plants) เป็นความมหัศจรรย์ของพืชที่มีการปรับตัวให้สามารถ อยู่ในสภาพแห้งแล้งได้ ประกอบด้วยพืชกลุ่มกระบองเพชร พืชอวบน้ำ รูปร่างแปลกตา ดอกกระบองเพชรหลากหลายสีสันและเรือนพืชกินแมลง (Carnivorous Plants) จัดแสดงพืชกินแมลง พืชที่มีการปรับตัว ให้อยู่รอด โดยมีการเปลี่ยนแปลงส่วนของใบ เพื่อดักจับแมลง อาทิ หม้อข้าวหม้อแกงลิง พืชกินแมลง ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีเรือนพืชสมุนไพร (Medicinal plants) จัดแสดงพืชสมุนไพรไทย กว่า 150 ชนิด มีป้ายสื่อความหมายบอกชื่อของสมุนไพรและบอกสรรพคุณของพืชสมุนไพรชนิดนั้นๆ อาทิ ฟ้าทะลายโจร หญ้าหนวดแมว หนุมานนั่งแทน ย่านาง เล็บครุฑ จิงจูฉ่าย เป็นต้น
สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่เรือนสับปะรดสี (Bromeliads) รวบรวมพืชกลุ่มสับปะรดสีหลากหลายสายพันธุ์ สับปะรดสีเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา เป็นพืชกลุ่มเดียวกับสับปะรด แต่ไม่ค่อยติดผล ลักษณะของใบมีลวดลายและมีสีสันที่สวยงาม จึงนิยมปลูกเป็นพืชประดับสำหรับจัดตกแต่งสวน ขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยการแยกหน่อ
สำหรับโซนที่ 3 สวนแห่งรัก Rose Garden สัมผัสกับกลิ่นหอมและเสน่ห์ของกุหลาบ 50 สายพันธุ์ เพลิดเพลินกับสีสันกุหลาบควีนสิริกิติ์ พรรณไม้เทิดพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ดอกสีเหลืองขนาดใหญ่ เมื่อกลีบต้องแสงอาทิตย์ปลายกลีบจะมีสีส้ม ดอกมีกลิ่นหอม ส่วนโซนที่ 4 เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museum) เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียนให้ความรู้ทางด้านพืช ธรรมชาติวิทยา ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม
และปิดท้ายด้วยโซนที่5 เรือนกล้วยไม้ไทย(Orchids Nursery) จัดแสดงกล้วยไม้ไทยหายากกว่า 400 ชนิด พร้อมป้ายสื่อความหมายให้ความรู้เกี่ยวกับกล้วยไม้ ก่อนเดินทางกลับ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โทร.0-5384-1234 หรือทาง Facebook :สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้ตลอดเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง