ข่าว

มนัญญา ลั่นไม่เคยหักหลังใคร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มนัญญา ลั่นไม่เคยหักหลังใครไม่คิดกลับมติแบน 3 สาร เป็นการหักหลัง สังคมจะเป็นผู้ตอบกับประชาชนเองว่าใครทำอะไรไว้   เดินหน้าเข้มการร้านจำหน่าย การอนุญาตใช้สาร  

 

28 พฤศจิกายน 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ  รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าเมื่อมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพมติ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมติที่เป็นทางการออกมา

 

ฉะนั้นขณะนี้ต้องเดินหน้าไปตามมติเดิมที่มีผลทางกฎหมาย และเมื่อเช้าวันที่ 28 พ.ย. ได้ให้นโยบายกับกรมวิชาการเกษตรแล้วว่าให้เดินหน้าตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีผลทางกฏหมาย และต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง   

 

“มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ได้ทำหน้าที่ถึงที่สุด จนเรื่องออกไปถึงคณะกรรมการวัตถุอันตรายแล้ว แต่เมื่อผลเป็นอย่างอื่นก็ต้องว่ากันตามกฎหมายา ส่วนตัวไม่ได้เคยคิดหักหลังใคร ก็เลยไม่ได้คิดว่าใครจะมาหักหลัง วันนี้ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบเองว่า ใครทำหน้าที่อย่างไร แต่เท่าที่ทราบก็มีการยืนยันจากกรรมการในคณะกรรมการวัตถุอันตรายบางท่าน ออกมาเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อ 27 พ.ย. 62  ไม่ได้มีการลงมติ จึงงง ที่มีการแถลงว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ ดังนั้นขณะนี้ต้องว่ากันตามมติวันที่ 23 พ.ค. 62 ที่ให้มีการจำกัดการใช้ ทั้ง 3  สารจนกว่าจะมีการประกาศมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่ 27 พ.ย. 62 ในราชกิจจานุเบกษาเพื่อออกมาหักล้างมติ 23 พ.ค. 62 “รมช.เกษตรฯ กล่าว

 

น.ส.มนัญญา กล่าวว่า แต่ไม่ว่ามติจะเป็นอย่างไร วันนี้ก็จะเดินหน้าทำโครงการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร จัดหาเครื่องกลทางการเกษตรเพื่อให้บริการสมาชิกในราคายุติธรรม ซึ่งในส่วนรายละเอียดจะสำนักเครื่องจักรกลการเกษตร จากกรมวิชาการเกษตร เป็นผู้กำหนดแบบที่เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิดและจะของบกลางจากรัฐบาลมาช่วยสหกรณ์ในการจัดหาเครื่องจักรดังกล่าว 


“จะเป็นการให้เบ็ด ซึ่งมีความถาวรกว่า ไม่ได้ให้ปลา  สหกรณ์และแห่งจะได้จัดหาตามความต้องการของสมาชิก แต่ต้องเป็นไปตามหลักที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดแบบ“ รมช.เกษตรฯกล่าว


ต่อข้อถามที่ว่า จะทำงานกับรมว.เกษตรฯ ต่อได้หรือไม่ เพราะมีปัญหาขัดแย้งกัน  น.ส.มนัญญา กล่าวว่า  ที่กระทรวงเกษตรฯบันไดเยอะเดินก็ต้องระวังตามสเต็ป  แล้วก็เข้าห้องทำงานไป ซึ่งเมื่อตนเองกำกับกรมวิชาการเกษตร ก็ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อวานตนเองก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หากใครเห็นว่าจะดูแลกรมวิชาการเกษตรได้ดีกว่าก็มาเอาไป แต่ขอกรมชลประทานมาให้ก็แล้วกันเพราะเกษตรกรกำลังลำบากมากไม่มีน้ำ และหากรมว.เกษตรฯ เรียกไปหารือ ก็พร้อมที่จะเข้าพบทุกเวลา

 

ทั้งนี้เครือข่ายผู้บริโภค ได้เข้าพบมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจน.ส.มนัญญา ที่กระทรวงเกษตรฯ โดยนายชนวน รัตนะวราหะ  อดีตรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า  เป็นตัวแทนอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯมาให้กำลังใจและดีใจที่กระทรวงเกษตรฯมีรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงแกร่งที่สุด เป็นนักต่อสู้มากกล้าหาญลุกขึ้นมาปฏิวัติภาคเกษตรครั้งใหญ่ขอให้เดินหน้าต่อไป จะพลิกโฉมการเกษตรไทยได้ สำเร็จ หลุดพ้นจากทำเกษตรแบบดั้งเดิมมาหลายทศวรรษที่ไม่ได้พัฒนาไปไหน จนขณะนี้หลายประเทศที่ทำเกษตรล้าหลังไทย กลับก้าวไกลกว่าในเรื่องนำระบบเทคโนโลยีการเกษตรมาใช้ทำให้การผลิตได้ประสิทธิภาพที่แม่นยำ  ประหยัดต้นทุนได้จริง และขอประณามพรรคพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัทค้าสารเคมีมากกว่าผู้บริโภค


น.ส.สารี อ่องสมหวัง ตัวแทนมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า เสนอให้ผ่าตัดโครงสร้างกระทรวงเกษตรให้มีกรมสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ที่ชัดเจน รวมทั้งเรียกร้องให้มีการแสดงฉลากที่สินค้าให้ผู้บริโภคมีสิทธิในการเลือกสินค้าเกษตร ผักผลไม้และอาหารที่มีการใช้สารเคมีอย่างชัดเจนเพื่อเป็นทางเลือกของประชาชน ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้กลับมติของตนเองให้ชะลอการเพิกถอนทะเบียนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ไปอีก 6 เดือน และยกเลิกการเพิกถอนทะเบียนสารไกลโฟเสตให้อยู่ในระดับเพียงจำกัดการใช้ ที่เอื้อประโยชน์กับนายทุน เพราะการจำกัดการใช้ ไม่ได้ป้องกันเรื่องความปลอดภัย ผู้บริโภค ขนาดตรวจในน้ำส้มสด ยังพบสารตกค้าง 100% 

 

น.ส.สารี กล่าวว่าสะท้อนให้เห็นถึง ความไม่คงเส้นคงวาไม่มีหลักวิชาการของคณะกรรมการวัตถุอันตราย พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ที่เลือกข้างบริษัทสารเคมีและผลประโยชน์ส่วนตน นอกจากนี้ เรียกร้องให้ กระทรวงเกษตรฯ ผลักดันสินค้า เกษตรทั้งผักและผลไม้ ให้ระบุแหล่งที่มาว่าเป็นฟาร์มที่มีการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดหรือไม่เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้เลือก  และสนับสนุนให้ลดภาษีเครื่องจักรกลทางการเกษตรและสนับสนุนให้เกษตรกร ยืมเครื่องจักรกลใช้งานแทนการใช้สารเคมี เหมือนที่ให้นำเข้าสารเคมีเกษตรไม่ต้องเสียภาษี และผลักดันให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ปรับปรุงฉลากของผลิตภัณฑ์อาหาร ให้ระบุสารเคมีที่ใช้ในทางการเกษตรให้ครบถ้วน เช่นเดียวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหารตามหลักเกณฑ์การแสดงฉลากอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

 

นายฉกรรจ์  แสงรักษาวงศ์ ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯ กล่าวว่า เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย 27 พ.ย.  62 ไม่มีการรับรองมติผลประชุม  22 ต.ค. 62 ก็เท่ากับว่า มติแบน 22 ต.ค. ไม่มีผลบังคับใช้  ขณะเดียวกัน ทีประชุม  27 พ.ย. 62 ก็ยังมีข้อกถเถียงกันว่ามีมติหรือไม่  เพราะจากข้อเท็จจริงขณะนี้ยังไม่ชัด เพราะฉนั้นทางราชการก็ต้องยึดตามหนังสือราชการเท่านั้น

 

มติเป็นอย่างไร ไม่มีใครทราบ  มีการฟังมติผ่านทีวี  แต่ก็มีกรรมการออกมาแย้ง  เพราะฉะนั้นขณะนี้เรื่อง 3  สารมีทั้งหมด  3  เหตุคือมติวันที่ 23 พ.ค. 62  ที่มีการจำกัดการใช้ และอบรมเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนอบรมการใช้สาร 4 แสนราย ผ่านการอบรม  3 แสนราย และร้านจำหน่ายต้องขึ้ทะเบียนผู้จำหน่าย ผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาตซื้อในปริมาณที่กำหนด  และผู้รับจ้างพ่นสารต้องมีการอบรมและมีและมีใบอนุญาตรับจ่างพ่นสารเท่านั้น 

 

ในขณะที่มติสองครั้งคือ  22 ต.ค.62 ไม่มีการรับรองมติเท่ากับไม่มีผลบังคับใช้และ  มติ 27 พ.ย.  62  ขณะนี้ยังไม่ชัด และยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่ใช้สาร 3 ตัวคือพาราควอต คอลร์ไพริฟอส ไกลโฟเซส  ต้องเป็นไปตามมติ  23 พ.ค. 62  คือจำกัดการใช้  ส่วนสารที่เหลือ  2.3 หมื่นตันในสต๊อกเอกชนก็เป็นเรื่องที่เอกชนต้องไปบริหารจัดการให้เป็นไปตามกฏหมาย  ส่วนประเด็นการฟ้องศาลปกครองก็เป็นเรื่องที่ผู้มีส่วนได้เสียจะดำเนินการกันเอง

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ