ม็อบแต่งชุดดำ มาแน่ นัดรวมตัวหน้ากระทรวงเกษตรฯ 25-26พ.ย.บุกร้องนายกฯเลิกแบน3สาร จวก มนัญญา จัดตั้งม็อบเสื้อกาวน์ มาชนเกษตรกร
23 พฤศจิกายน 2562 นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า แม้ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิก 3 สารมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม เกษตรกรจะไม่ส่งมอบคืนสารให้กรมวิชาการเกษตร
เนื่องจากใช้เงินตัวเองซื้อมาในขณะที่เป็นของถูกกฎหมาย ในวันที่ 26 พ.ย. นี้จะแต่งชุดดำแล้วไปรวมตัวกันที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วงเช้า โดยหวังว่าจะพบกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯตามที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายเฉลิมชัยรับฟังความเดือดร้อนของเกษตรกร จากนั้นจะเดินไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ให้ทบทวนมติแบน 3 สาร ซึ่งบางส่วนจะทยอยเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.มาปักหลักหน้ากระทรวงเกษตรฯ
ทั้งนี้การที่เกษตรกรแต่งชุดดำนั้นเพื่อไว้อาลัยต่อกฎหมายอยุติธรรม เป็นการรวมตัวกันโดยสงบและใช้หลักอหิงสา ไม่ใช่การก่อม็อบ ส่วนที่น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯระบุว่า หากมากดดัน ม็อบเสื้อขาวจะมาเหมือนกัน เห็นว่า ไม่สมกับเป็นคำพูดของรัฐมนตรีเกษตรฯ นอกจากไม่ช่วยเกษตรกรแล้ว ยังข่มขู่อีกด้วย ซึ่งม็อบเสื้อขาวเป็นม็อบเสื้อกาวน์ ใช่ไหม เท่ากับเป็นการจัดตั้งม็อบมาชนเกษตรกร
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ผู้แทนภาคอุตสาหกรรมกล่าวถึง ผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สาร 3 ชนิดว่า ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมมี 2 ด้านคือ ผลกระทบต่อการเกษตรกรและอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่ต้องใช้ผลผลิตในประเทศเนื่องจากสารทั้ง 3 ชนิดมีความจำเป็นต่อเกษตรกรในการป้องกันและกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช
การลงมติให้ยกเลิกอย่างกระทันหันจึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ผลผลิตลดลง ส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุปทาน (supply) ของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร และตลอดจนอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ที่ต้องใช้ผลผลิตในประเทศเป็นวัตถุดิบเพื่อการแปรรูป
สำหรับผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่จำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตและแปรรูป สินค้าอาหารเพื่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกนั้น เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารรายใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก แต่จำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปเป็นอาหารและอาหารสัตว์ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี แป้งข้าวสาลี กาแฟ โกโก้ เป็นต้น
หากปรับสถานะให้ 3 สารเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จะไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวได้เพราะการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้าอาหารของไทยเป็นไปตามมาตรฐานสินค้าเกษตรเรื่อง สารพิษตกค้างซึ่งกำหนดปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด
โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ. 2560 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ซึ่งกำหนดให้ปริมาณสูงสุดของสารตกค้างในสินค้าเกษตรในระดับที่ปลอดภัย ต้องเป็นไปตามค่าที่ประเทศไทยกำหนด
หรืออ้างอิงกับค่าที่กำหนดโดยคณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหาร (Codex; Joint FAO/WHO Food Standards Programme) และต้องไม่พบวัตถุอันตรายทางการเกษตรชนิดที่ 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
แม้ว่าสินค้าเกษตรที่นำเข้าจะมีระดับการตกค้างจะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยของ Codex ก็ไม่สามารถนำเข้าได้เนื่องจากเงื่อนไขที่การตกค้างของอันตรายทางการเกษตรชนิดที่ 4 ต้องมีค่าเป็น 0 (zero tolerance) เมื่อการผลิตหยุดชะงักจะเกิดวิกฤตการขาดแคลนอาหารทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกเป็นผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง