ข่าว

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน

               น่าน มนต์เสน่ห์เมืองเหนือที่เป็นจุดหมายปลายทางของหลายๆ คน  น่านวันนี้หลายพื้นที่ถูกพัฒนาจากพืชเชิงเดี่ยวมาทำเกษตรผสมผสาน พร้อมทั้งลด ละ เลิก การใช้สารเคมีหันมาทำเกษตรอินทรีย์และปรับพื้นที่เป็นศูนย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หวังให้เป็นอีกทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องจำเจอยู่กับยอดเขายอดดอย

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน ดร.เสรี ทองมาก กับโรงปุ๋ยอินทรีย์

 

              หนึ่งในนั้นคือ"ฟาร์มสเตย์ของ ดร.เสรี ทองมาก" นักคิด นักพัฒนาสังคมแลผู้จัดการมูลนิธิพัฒนรักษ์ ที่นำองค์ความรู้จากการทำงานเพื่อสังคมมาค่อนชีวิต เนรมิตพื้นที่รกร้างว่างเปล่าจากแปลงปลูกมันสำปะหลังและไร่ข้าวโพดใน ต.ภูเพียง อ.ภูเพียง จ.น่าน มาทำเป็นฟาร์มสเตย์และศูนย์เรียนรู้ฟาร์มโคเนื้ออินทรีย์ครบวงจรให้คนในพื้นที่ได้มาศึกษาเรียนรู้ พร้อมนำไปปรับใช้สำหรับการประกอบอาชีพเพื่อลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและการใช้สารเคมี

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน โฮมสเตย์ ภายในฟาร์มรองรับผู้มาเยือน

              ขณะเดียวกันยังเปิดให้นักท่องเที่ยวและคนภายนอกที่สนใจได้มาสัมผัส พร้อมมีที่พักระดับวีไอพีรองรับ(มีห้องจำนวนจำกัด) และยังให้บริการอาสาพาชมเมืองน่านหากลูกค้าใช้บริการที่พักสนใจในราคาเป็นกันเอง สนใจโทร.08-1257-8538, 08-19111446

            “ท่องโลกเกษตร” อาทิตย์นี้ตาม “ดร.เสรี ทองมาก” นักคิด นักพัฒนาสังคมและผู้จัดการมูลนิธิพัฒนรักษ์ ไปสัมผัสอาณาจักรฟาร์มสเตย์ ดร.เสรีและศูนย์เรียนรู้ฟาร์มโคเนื้อครบวงจร ที่ ดร.เสรีและภรรยาได้ริเริ่มดำเนินการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หวังให้เป็นสถานที่เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการโคเนื้อและเกษตรอินทรีย์ครบวงจร โดยใช้โคเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อน เนื่องจากโค ถือเป็นต้นน้ำสำคัญที่สามารถต่อยอดไปได้อีกหลากหลายอาชีพทางด้านการเกษตรในการสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว ภายใต้สโลแกน “3 ปีแรกคนเลี้ยงโค 3 ปีต่อมาโคเลี้ยงคน”

            ฟาร์มสเตย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 28 ไร่ ใน ต.ภูเพียง อ.ภูเพียง จ.น่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองน่านไปทางวัดพระธาตุแช่แห้ง ประมาณ 15 กิโลเมตร ตามถนนลาดยางสองเลน เลยวัดภูเพียงประมาณ 1 กิโลเมตรจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางถนนลูกรังที่รายล้อมไปด้วยสวนยางพาราอยู่ในระยะเปิดกรีดอีกประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองถึงสถานที่ตั้งฟาร์มประมาณ 20 นาที บริเวณมีรั้วรอบขอบชิดด้วยลวดหนาม จะสังเกตเห็นโฮมสเตย์หลังสีแดงเข้มสองชั้นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางฟาร์มไว้สำหรับรองรับผู้มาเยือน

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน ฟาร์มโคเนื้อ

              “อยากทำเกษตรอินทรีย์ แต่ทำไมต้องมาเริ่มที่โค” เปิดประเด็นคำถามด้วยความสงสัยระหว่างเดินชมฟาร์ม ก่อนได้รับคำเฉลยจากเจ้าของฟาร์มว่าก็เพราะต้องการใช้โคเป็นสะพานเชื่อมจุดเริ่มต้นเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเกษตรอินทรีย์ โดยเริ่มจากผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์จากมูลโคเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ให้แก่ฟาร์ม ส่วนที่เหลือนำมาใช้ปรับปรุงบำรุงดินเสริมธาตุอาหารให้กับพืชผักสมุนไพรที่ปลูกภายในฟาร์ม หลังผืนดินดังกล่าวใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตรมาอย่างยาวนานจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวทั้งข้าวโพดและมันสำปะหลัง 

            ดร.เสรียอมรับว่าไม่ง่ายในการปรับสภาพดินที่เต็มไปด้วยสารเคมี ต้องใช้เวลากว่า 3 ปีที่เริ่มลงมือดำเนินการในขั้นตอนแรกคือเรื่องดิน จนวันนี้สภาพดินเข้าสู่ความเป็นอินทรีย์เกือบ 100% โดยเห็นได้จากไส้เดือนที่มีอยู่เต็มไปหมดภายในพื้นที่ฟาร์มเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความปลอดภัยและความเป็นอินทรีย์ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากมูลโคภายในฟาร์ม จากเริ่มต้นเพียง 16 ตัว วันนี้ออกลูกออกหลานมีจำนวนมากถึง 39 ตัว

              “มีมาเกือบทุกวันทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ ถ้าเป็นคนนอกจะมากันเป็นครอบครัว มาพักที่นี่เช้าออกไปเที่ยวอื่นเย็นกลับมาพักที่นี่ ซื้อของจากข้างนอกกลับมาทำกันเอง เพราะห้องครัวให้ทำกันเอง หรือบางคนก็กินมาจากข้างนอก  ที่พักเราเป็นแบบฟาร์มสเตย์ มีบริการเฉพาะกาแฟและอาหารเช้า หากเป็นมื้อใหญ่ลูกค้าส่วนใหญ่จะไปกินกันข้างนอก แต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่ก็จะมาเป็นกลุ่มมาศึกษาดูงานอย่างเดียวไม่ได้พักที่นี่” ดร.เสรีให้ข้อมูล

               โชคดีวันนี้มีกลุ่มแม่บ้านอสม.ของ จ.น่าน มาดูงานประมาณ 20 คน จึงได้ร่วมคณะเดินเยี่ยมชมกับเขาด้วย โดยจุดแรกเป็นคอกเลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งตั้งอยู่ทางท้ายฟาร์ม แบ่งเป็นคอก ประกอบด้วย คอกพ่อแม่พันธุ์ คอกลูกโคขุนและคอกลูกโคเกิดใหม่ มีคนงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับรู้สึกไม่เหม็นกลิ่นมูลโคเหมือนคอกโคทั่วไป ซึ่งเจ้าของฟาร์มอธิบายว่าที่ไม่มีกลิ่นเป็นเพราะภายในคอกจะโรยแกลบและราดด้วยน้ำอีเอ็มกำจัดกลิ่น 

            หลังใช้เวลาเดินสำรวจกิจกรรมบริเวณฟาร์มโคพักใหญ่ จากนั้นจึงเดินข้ามฝั่งมายังโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ที่ดร.เสรีบอกว่าเป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเอง ซึ่งประกอบด้วย 3 สูตร ได้แก่ สูตรแรก นำขี้ไส้เดือนมาผสมกับแกลบมูลวัว จากนั้นทำการหมักไว้ประมาณ 10 วัน โดยใช้เชื้อจุลินทรีย์เป็นส่วนผสมเพื่อการย่อยสลาย ก่อนนำไปใส่พืชผัก ต้นไม้และใส่เพื่อปรับปรุงบำรุงดินต่อไป สูตรที่สอง เป็นการนำสูตรแรกมาบดให้ละเอียด โดยเครื่องบดปุ๋ย ก่อนนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนสูตรที่สาม เป็นการนำสูตรที่สองมาอัดเม็ดแล้วใส่จุลินทรีย์บางตัวเข้าไป ก่อนจะนำไปบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายและใช้ประโยชน์ต่อไป โดยสูตรนี้จะเหมาะกับไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ รวมถึงกล้วยไม้ทุกสายพันธุ์

 ท่อง"ฟาร์มสเตย์ดร.เสรี"ยลวิถีพอเพียงเมืองน่าน

             ดร.เสรียืนยันว่าทุกวันนี้รายได้หลักของฟาร์มมาจากการจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งมีกำลังผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ตันต่อเดือน สนนราคาจำหน่ายสูตรแรก 5 บาทต่อกิโลกรัม สูตรสอง 10 บาท และสูตรสาม 15 บาท โดยบรรจุถุง ถุงละ 5 กิโลกรัมเพื่อสะดวกในการขนส่ง ปัจจุบันปุ๋ยอินทรีย์สูตร ดร.เสรี ส่วนใหญ่จำหน่ายอยู่ในพื้นที่จ.น่าน และตอนนี้ยังผลิตไม่พอจำหน่ายอีกด้วย 

 

 

               เสร็จแล้วไปดูจุดสุดท้ายเป็นพื้นที่โล่งประมาณ 10 กว่าไร่ที่เจ้าของฟาร์มตั้งใจแบ่งให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงในการปลูกพืชผักสมุนไพรฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงแต่มีค่าใช้จ่ายค่าปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตภายในฟาร์มและเมล็ดพันธุ์เองเท่านั้น โดยพื้นที่บริเวณนี้เจ้าของฟาร์มมีความตั้งใจอยากให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมและมาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ภายในฟาร์มร่วมกันเพื่อจุดประกายแนวคิดเกษตรอินทรีย์ก่อนนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตัวเองต่อไป

           สนใจเยี่ยมชมฟาร์มสเตย์ ดร.เสรี ทองมากเป็นหมู่คณะโทร.08-1257-8538, 08-19111446

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ