คอลัมน์ - พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง โดย - น.สพ.วิรัช ธนพัฒน์เจริญหรือหมอเล็ก [email protected]
ต่อจากเสาร์ที่แล้ว
โรคต้อหินในสุนัข เป็นสภาวะที่ภายในลูกตาเกิดความดันสูง ร่วมกับภาวะที่ไม่สามารถระบายของเหลวที่สร้างออกจากลูกตาได้ เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับอาการของต้อหินในสุนัขกัน สาเหตุมาจากการระบายของเหลวที่ไม่เหมาะสมในลูกตา หากสภาวะนี้กลายเป็นสภาวะเรื้อรังหรือไม่ได้รับการแก้ไข จะนำไปสู่การถูกทำลายของเส้นประสาทตา ส่งผลให้ตาบอดในที่สุด ต้อหินเป็นโรคที่พบได้บ่อยในสุนัขบางสายพันธุ์ที่มีสาเหตุโน้มนำมาจากพันธุกรรม เช่ย ซามอยด์ คอกเกอร์สแปเนียล พุดเดิล เชาเชา และไซบีเรียนฮัสกี้ ร้อยละ 40 ของสุนัขที่เกิดภาวะต้อหินมักจะตาบอดภายในหนึ่งปี แม้ว่าจะได้รับการรักษาโดยใช้ยาหรือการผ่าตัดก็ตาม
โรคต้อหินมี 2 ชนิด ได้แก่ ปฐมภูมิ (primary glaucoma) และทุติยภูมิ (secondary glaucoma) อาการของโรคที่เกิดจากภายในดวงตามีสาเหตุมาจากลูกตาไม่สามารถระบายของเหลวผ่าน filtration angle ได้แก่ ความดันภายในลูกตาสูง กะพริบตา ลูกตาจมไปในเบ้าตา เห็นเส้นเลือดสีแดงบริเวณตาขาว ด้านหน้าดวงตาขุ่น ม่านตาขยาย หรือม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสง สูญเสียการมองเห็น เมื่อสภาวะดำเนินไปโดยไม่ได้รับการแก้ไข ลูกตาขยายใหญ่จะสูญเสียการมองเห็นอย่างชัดเจน
การวินิจฉัยเจ้าของจะต้องแจ้งประวัติสุขภาพของสุนัขอย่างละเอียด การเริ่มต้นของอาการ ต้องชี้แจงให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเป็นไปได้ควรระบุเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะเกิดอาการนี้ เช่น การบาดเจ็บที่ดวงตา แม้ว่าจะเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะตรวจร่างกายสัตวแพทย์จะทำการวัดความดันของลูกตาโดยใช้อุปกรณ์วัดความดันลูกตา (tonometer) บนผิวกระจกตา หากโรคเกิดขึ้นอย่างฉับพลันสัตวแพทย์จะส่งสุนัขของคุณไปให้จักษุสัตวแพทย์เป็นผู้ตรวจรายละเอียดของดวงตา รวมถึงประเมิน filtration angle โดยใช้ gonioscopy เพื่อวัดระยะของช่องหน้าตา ความดันของลูกตาอาจะสูงถึง 45-65 มิลลิเมตรปรอท ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก
สัตวแพทย์จะทำการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าของจอประสาทตา (electroretinography) เพื่อประเมินว่าสุนัขยังสามารถมองเห็นได้หรือไม่ก่อนการรักษา ในโรคแบบทุติยภูมิการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์ และอัลตราซาวด์ จะแสดงให้เห็นความผิดปกติภายในลูกตาได้
ส่วนการรักษา สัตวแพทย์จะจ่ายยาหลายชนิดเพื่อลดความดันภายในลูกตาของสุนัข และลดความดันให้อยู่ในช่วงที่ปกติให้รวดเร็วที่สุดเพื่อพยายามกู้การมองเห็น บ่อยครั้งที่สุนัขมีสภาวะมาเป็นเวลานานโดยที่ไม่ได้รับการสังเกต หรือวินิจฉัยผิดพลาดก่อนที่อาการของโรคต้อหินจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ในกรณีเช่นนี้เส้นประสาทตาอาจได้รับความเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมและอาจหมายถึงต้องมีการผ่าตัด ซึ่งการรักษามีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับลักษณะของต้อหิน ของเหลวภายในลูกตาอาจถูกระบายออกและการผลิตของเหลวอาจถูกทำให้เปลี่ยนไปเพื่อหยุดการสร้างของเหลวภายในลูกตา
นอกจากนี้การรักษายังใช้กระบวนการที่เรียกว่า cyclocryotherapy จะใช้อุณหภูมิที่เย็นจัดในการทำลายเซลล์ที่ผลิตของเหลวภายในลูกตา หากได้รับการแก้ไขทันเวลา กระบวนการนี้จะชะลอหรือหยุดการดำเนินของโรค อย่างไรก็ตามกรณีส่วนมากที่เป็นโรคระยะยาวอาจต้องควักลูกตา ช่องว่างของลูกตาอาจจะถูกปิดอย่างถาวร หรืออาจถูกแทนที่ด้วยวัตถุทรงกลมเพื่อเติมเต็มช่องว่างของลูกตาที่ถูกควักออกไป
สุนัขส่วนมากจะปรับตัวกับการสูญเสียดวงตาเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาอาจสูญเสียการมองเห็นไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลานั้นด้วย เจ้าของสามารถปรึกษาสัตวแพทย์ได้ว่าควรให้การช่วยเหลือสุนัขอย่างไร ทั้งการใช้ชีวิตในบ้านและนอกบ้านให้ง่ายขึ้นโดยที่มองไม่เห็น กรณีเช่นนี้เจ้าของจะต้องคอยเฝ้าดูสุนัขเวลาที่ปล่อยให้สุนัขออกมานอกบ้าน เนื่องจากจะมีความเสี่ยงต่อสัตว์อื่นๆ มากขึ้น
หากโรคนี้ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะต้น และสัตวแพทย์สามารถควบคุมอาการได้ เจ้าของควรจะพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ต่อเนื่องเป็นประจำเพื่อติดตามค่าความดันภายในลูกตา ดูการตอบสนองต่อยา และปรับเปลี่ยนยาหากจำเป็น จักษุสัตวแพทย์จะตรวจตาข้างที่ปกติเพื่อประเมินความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นโรคต้อหิน เนื่องจากมากกว่าร้อยละ 50 ของสุนัข ที่เป็นโรคต้อหินแบบปฐมภูมิ มักจะเกิดสภาวะแทรกซ้อนในตาข้างที่ปกติภายใน 8 เดือน ดังนั้นควรมีการป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง