ข่าว

ในหลวง ทรงมีพระราชกระแสชมเชยสองนักบินฝนหลวง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ในหลวง ทรงมีพระราชกระแสชมเชยและของพระราชทาน ให้สองนักบินฝนหลวง

 

28 กันยายน 2562 อธิบดีฝนหลวงฯชี้เหตุเครื่องตก จากฟ้าปิดกระทันหัน เกิดหมอกลงหนา หักเลี้ยวมากไปก่อนชนภูเขา จนเครื่องเสียการทรงตัว ตกลงพื้นดิน เปิดใจชาวฝนหลวงทำหนัก 8 เดือนไม่เคยได้หยุด  

 

 

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร  เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ให้แก่ร้อยเอก ตฤณ อัมระนันท์  และโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาหลวงส่วนพระองค์ และพวงมาลาหลวงของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพของร้อยเอก ตฤณ อัมระนันท์ และนายสุขสันต์ จงเสถียรธรรม และรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ตลอดทั้งงาน เนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อภารกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในการปฏิบัติการฝนหลวงด้วยความเรียบร้อยตลอดมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต


“ทั้งนี้ในวันนี้ในหลวงยังได้ทรงมีพระราชกระแสทรงชมเชยและพระราชทานของพระราชทานให้แก่  นักบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตรทั้งสองนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในวันที่  28 ก.ย. นี้ที่กรมฝนหลวงฯเวลา  10.00 น.  อีกด้วย” นายสุรสีห์กล่าว

 

อธิบดีกรมฝนหลวงฯได้ชี้แจงกรณีเครื่องบินฝนหลวงประสบเหตุตกที่ ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่า หลังเกิดเหตุและลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเองที่จังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องและหัวหน้านักบิน ซึ่งจากการลงพื้นที่ เบื้องต้นและสอบถามนายสุมิตร ทองมณโฑ เกษตรกรที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า น่าจะมาจากสภาพอากาศ หมอกลงมาก   

 

โดยเวลา  09.00 น. ที่เกษตรกรลงไปดูสวนพริกอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุยังสามารถมองเห็นภูเขาในพื้นที่จุดตกได้ แต่สักประมาณเวลา  10.00 น. หมอกหลงจัด ทัศนวิสัยไม่ดี  ฟ้าปิด ทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม กรมได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ตามกรอบกฎหมาย  45 วัน แต่จะพยายามให้เร็วที่สุดคิดว่าไม่น้อยกว่า  2 สัปดาห์  

 

 

เนื่องจากขณะนี้ผู้สอบเองก็มีภาระในการขึ้นบินทำฝนด้วยเช่นกัน แต่จะพยายามให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญจากประเทศแคนาดา บริษัทแพท แอนด์ วิทนี บริษัทผลิตเครื่องคาราแวน ได้มีหนังสือแจ้งมาแล้วว่าพร้อมช่วยเหลือในการสอบ ซึ่งหากมีประเด็นที่กรมสงสัยจะขอความร่วมมือทันที

 

ทั้งนี้อธิบดีกรมฝนหลวงฯกล่าวด้วยว่า เหตุครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายให้ความสนใจกับการทำงานของกรมฝนหลวง ที่มีภารกิจเพิ่มมากขึ้น ว่าสาเหตุมาจากอะไรทั้งเรื่องจำนวนคนที่ไม่เพียงพอ หรือเครื่องบินที่อายุงานมาก และมีน้อยลำ  ซึ่งในเรื่องนี้กรมขอเรียนว่า ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่รวม 200 คน  มี 11 ศูนย์ทำงานตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา จากภาวะฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เมื่อเดือน ม.ค. 62 และต่อด้วยภัยแล้ง และแล้งในหน้าฝนจากฝนทิ้งช่วงเจ้าหน้าที่ 200 นาย

 

โดยเฉพาะนักบิน  นักวิทยาศาสตร์  และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทำงานไม่มีวันหยุด แม้กระทั่งวันหยุดสำคัญๆ ถือเป็นหน่วยงานเดียวของไทยที่ไม่ได้หยุดงาน โดยเฉพาะขณะนี้ต้องช่วงชิงสภาพอากาศในปลายฝนต้นน้ำเพื่อเติมน้ำให้กับเขื่อนที่มีน้ำน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ปีหน้าภัยแล้งจะเป็นอย่างไรถ้าไม่เร่งเติมน้ำ และช่วยพื้นที่นาข้าว ในพื้นที่อับฝนหลายจังหวัด กำลังออกรวงตั้งท้อง ได้เก็บเกี่ยว


ภารกิจมีมากขึ้น แต่คนจำกัด เครื่องจำกัด ผมขณะอยุ่ที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อรู้ข่าวสูญเสียนักบิน ผมน้ำตาไหลทันทีรีบเปลี่ยนตั๋วกลับไทย แต่จะท้อไม่ได้ ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยบ่น ให้กำลังกันเองมาตลอด เพราะเราทำโครงการพระราชดำริของในหลวงร.9 ที่ต้องพยายามจัดสรรให้ได้ภายใต้ความขาดแคลนบุคคลากร เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ในพื้นที่เกษตรน้ำฝน 120 ล้านไร่ เพราะชลประทานมีเพียง  30 ล้านไร่  

 

อย่างไรก็ตามหวังว่า  คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กพร. จะเข้าใจและอนุมัติอัตรากำลังให้สอดรับการศูนย์ที่ขยายเพิ่มขึ้นตามภารกิจ  จากสภาพอากาศที่แปรปรวน โดย 4 ปีที่ผ่านมาพยายามขออัตราเพิ่มอีก  700  ราย คาดว่าปีนี้ กพร.น่าจะพิจารณาให้ เพราะกรมพร้อมที่จะพาเจ้าหน้าที่กพ. มาดูการทำงานจริงของกรม  อีกทั้งการพิจารณาเรื่องจัดฝูงบินเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมี  39 ลำ ตามยุทธศาสตร์ฝนหลวงวางไว้คือใน 5 ปีคือ(60-65) จะต้องมีเครื่องเข้ามาเพิ่ม  ให้ครบ  45 ลำ และนักบินขอเพิ่ม  58 อัตรา โดยแบ่งเป็น 2 ระยะคือระยะแรก(ใน 2ปี) ขอ 48 อัตราและถัดไปอีก 18 อัตรา
 

สำหรับเครื่องบินขณะนี้ในเดือนต.ค. จะได้เครื่องใหม่ 2 ลำเป็นเครื่องคาซาขนาดกลางจากอินโดนีเซีย  2ลำ  ๆ 500 ล้านบาท และในงบปี 63 จะขอเพิ่มเครื่องบินขนาดกลางอีก 1 ลำประมาณ 500  ล้านบาท และเฮลิคอรเตอร์ 1 ลำขนาด 7 ที่นั่งประมาณ 140 ล้านบาท

 

ร.ท. บัญชา พาลี  หัวหน้านักบิน กล่าวว่า  ในการบินพบว่า อยู่ในเส้นทางการบิน ไม่มีการออกนอกเส้นทางการบิน และ เครื่องบินที่ขึ้นไม่ได้มีการบรรทุกสารเคมีหรืออยู่ในการบินระหว่างการทำฝนหลวงตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด   และจากการตรวจสอบที่ศูนย์ปฏิบัติการการบิน พบว่า ในช่วงปฏิบัติการบินอนุมัติให้ขึ้นบิน 09.00 น.สภาพอากาศปกติ แต่ในช่วง 10.00 น.  ทางหอบังคับการบินได้ติดต่อเพื่อประสานแจ้งว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์ เข้ามา  แต่ไม่สามารถติดต่อได้   หอบังคับการฯจึงได้ส่งหน่วยนิรภัยเข้าไปติดตาม และต่อมาก็มีการแจ้งจากพื้นที่ว่ามีเครื่องบินตก หลังเขา

 

“จากการลงพื้นที่เกษตรกรพบว่ามีหมอกลงจัด จนไม่เห็นภูเขา ดังนั้นคาดว่าเบื้องต้นน่าจะมาจากก่อนหน้ามีฝนตก และต่อมาแดดจัด ทำให้เกิดหมอกฉับพลันขึ้นมาบังทัศนวิสัย ประกอบกับลมฝั่งอันดามันแรงทำให้หมอก และลมแรง หมอกเข้ามาเร็ว ทำให้เกิดสภาพเหมือนกับอยู่ในน้ำนม  ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดต่ำลงและกรณีหากเครื่องบินเลี้ยวมากไป จะส่งผลต่อการทรงตัวและเกิดภาวะ  stall หรือภาวะเครื่องหมดแรงยกจากการเลี้ยว  น่าจะมาการหักเลี้ยวมากเกิน แต่ทั้งนี้ต้องรอผลสอบทางเทคนิคอีกครั้ง”  ร.ท.บัญชากล่าว
 

 

หัวหน้านักบินกล่าวว่า การที่เครื่องตกไม่เกี่ยวกับอายุเครื่องบินเพราะมีรอบการตรวจ ตามมาตรฐานสากล  และทุกลำมีเรดาห์ สมรรถนะเครื่องดี แต่เหตุอาจมาจากสภาพอากาศเปลี่ยนฉับพลันสำหรับเครื่องบินของกรมฝนหลวงฯ ปัจจุบันมี  39 ลำ อายุ 1 ปี-10 ปี จำนวน 10 ลำ  อายุ  11 ปี-20 ปี  มี 4 ลำ อายุ  21-31 ปี  มี 7 ลำ และอายุเกิน 30 ปีมี 8 ลำ ทุกลำขึ้นปฏิบัติการปกติทุกวัน และซ่อมบำรุงตามาระยะเวลาครบ 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-เผยสาเหตุเครื่องบินฝนหลวงตก
-รมว.เกษตรฯไว้อาลัย 2 นักบินฝนหลวงเครื่องตก
-ธรรมนัส ตั้งกก.สอบเครื่องบินฝนหลวงตก
-เทคนิคฝนหลวง-สร้างก้อนเมฆ ปกคลุม
 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ