ข่าว

ประภัตร  เดินหน้าโครงการโคล้านตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประภัตร เดินหน้าโคขุนล้านตัวส่งจีน คาดสร้างรายได้เกษตรกรกว่า 40,000 บาทต่อครัวเรือน ภายใน 120 วัน ยันใช้ลูกโคในประเทศ

 

12 กันยายน 2562  ได้มีกลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่น สกลนคร อุบลฯ  ศรีสะเกษ และกลุ่มเกษตรฯที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ การส่งเสริมการเลี้ยง โคเนื้อโคขุน  

 

เข้ายื่นหนังสือขอให้กระทรวงเกษตรฯ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยเป็นการเร่งด่วนพร้อมยื่นความประสงค์ที่จะขอเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคดังกล่าว ทั้งนี้นายประภัตร   โพธสุธน  รมช. เกษตรฯ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า  รมช. เกษตรฯ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว. เกษตรฯ ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยว  อาทิ กรมประศุสัตว์  กรมการข้าว เข้ารับหนังสือ และชี้แจงรายระเอียดของโครงการดังในการช่วยเหลือเกษรกรภายหลังน้ำลด ให้กับเกษตรกรได้รับทราบ พร้อมรับปากจะเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรเป็นการเร่งด่วนทันทีภายหลังน้ำลด 

 

นายประภัตร  เปิดเผยว่า ในส่วนการช่วยเกษตรกร  นายกรัฐมนตรีได้กำชับกระทรวงเกษตรฯ ดำเนินการ วางแผนในการสร้างรายได้ เร่งด่วน เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ มี 4 โครงการเร่งด่วน คือ 1 ส่งเสริมการปลูกถั่วเขียวหลังน้ำลด โดยมีการมีผู้แสดงความจำนงค์ ที่จะเข้ารมารับซื้อจากเกษตรกรกว่า 6 ตัน โดยประกันราคารับซื้อที่ราคากว่า กิโลกรัมละ 30 บาท เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการจำนวน 5 หมื่นราย

 

2 โครงการ ส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษรกร ให้ได้มากกว่า 2 แสนตัวเพื่อรองรับการขาดแคลน เมล็ดพันธุ์ ข้าว มีผู้ร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 5 หมื่นราย  3การส่งเสริมการปลูกข้าวโพด จำนวน 1 ไร่  โดยมีการประกันราคา ที่กิโลกรัมละ 8 บาท  เบื้องต้นมีเอกชน แสดงความจำนงค์ในการรับซื้อข้าวโพดจำนวนดังกล่าวแล้ว  

ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดภาครัฐจะแจกเมล็ดพันธุ์ ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฟรีโดย ให้ถั่วเขียว 5 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวโพด 3.5 กิโลกรัม ต่อไร่  ซึ่งจะขอใช้งบปะมาณจากรัฐบาล ในการจัดซื้อเมล็ดพันธ์​ข้าวโพดและเมล็ดพันธุ์ ถั่วเขียวทั้งหมดจำนวน 710 ล้านบาท 

 

นอกจากนั้น กระทรวงเกษตรยังมีแนวคิดในการส่งเสริมการเลี้ยง โคเนื้อ และโคขุน  จำนวน 1 ล้านตัว เพื่อส่งออกในตลาดจีน ได้ประการประสานงานกับกลุ่มเอกชน ที่เดินทางเข้าพบกับตนในช่วงที่ผ่านมา โดยเอกชนจีนได้แสดงความสนใจจะขอซื้อ โคเนื้อ และโคขุนจากประเทศไทย จำนวนมาก  มีความต้องการโคเนื้อโคขุนที่มีน้ำหนัก 420 กิโลกกรัมวันละกว่า 2,500 ตัว

 

ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ จากกรมปศุสัตว์ ไปดูตลาดดังกล่าว ว่าสามารถส่งออกได้จริงหรือไม่ และพบว่ามีการเริ่มสร้างโรงเชือดที่เป็นมาตรฐาน จากกลุ่มเอกชนจีน ที่ประเทศลาวและกำลังใกล้เสร็จแล้ว สามารถส่งออกได้ทันที ที่เริ่มทำเดินการ โดยจะเลี้ยงโคขุนโคเนื้อ ที่เป็นลูกโค น้ำหนัก 250 กิโลกกรัม ให้ได้ น้ำหนัก 450 กิโลกกรัมภายใน 120 วัน  โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 1 ราย สามารถเลี้ยงโคได้ 5 ตัว คาดว่าจะสามารถจะมีรายได้ที่หักใช้จ่าย ทั้งหมดตัวละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท  

 

ทั้งนี้สามารถรองรับเกษตรกรที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนรายทั่วประเทศ  จะมีแหล่งเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรหรือธกส.เพื่อซื้อลูกโคตัวละ 24,000 บาท น้ำหนักลูกโคจะต้องไม่น้อยกว่า 250 กิโกกรัมเพื่อนำไปเลี้ยง ให้ได้น้ำหนัก 450 กิโลกรัมก่อนขายให้โรงเชือดของจีนต่อไป โดยให้เกษตรกร เลือกลูกโคเอง และใช้โคในประเทศ เป็นหลัก ซึ่ง ธกส จะเป็นผู้จ่ายแทนเกษตรกรทั้งหมดซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ย 4%  

 

นอกจากนั้น ยังมีการทำประกัน การเสียชีวิต ของลูกโค ในโครงการทั้งหมด ตัวละ 400 บาท หากตาย ระหว่างการเลี้ยง เกษตรกรจะไม่ต้องรับภาระหนี้สิน จะของบประมาณ จากรัฐบาล ทำประกันให้กับโคในโครงการทั้งหมด  ขณะเดียวกันยังมีการส่งเสริม การผลิตอาหารให้กับโคขุนในโครงการ เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องมีการรวมกลุ่ม ทางภาครัฐจะสนับสนุน ในการจัดซื้อเครื่งผสมอาหารสัตว์ให้เป็นไปตามสูตรของกรมปศุสัตว์  

 

โดยมีต้นทุนอาหารสัตว์ อยู่ที่กิโลกกรัมละ 4 บาท ซึ่งเครื่องผสมอาหารสัตว์ จะอยู่ที่เครื่องละ 5 แสนบาท  ซึ่งภาครัฐจะออกให้ 70 % กลุ่มเกษตรกรจะออกอีก 30 % เพื่อให้เกษรกรรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของจะทำให้โค ในโครงการ โตได้น้ำหนักเบื้องต้น คาดว่าจะมีน้ำหนัก เพิ่มขึ้นวันละกว่า 1.5 กิโลกรัม ภายใน 120 วันจะสามารถส่งให้กับโรงเชือดได้ทันที  โครงการทั้งหมดของ การส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โคขุน

 

กระทรวงเกษตรจะเสนอของประมาณ โดยของบกลางเพียง 3,720 ล้านบาท และกรมน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรฯ เข้าเข้ามาดำเนินการเจาะบ่อบาดาลเพ่ือปลูกหญ้า เลี้ยงโคขุนในโครงการ โดยบาดาล 1 บ่อสามารถปลูกหญ้าได้กว่า 100 ไร่ คาดว่าอาหารจะเพียงพอต่อการเลี้ยงโครงในโครงการทั้งหมด  เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จะได้กำไรจากการเลี้ยงโคครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่าตัวละ  8,000 บาทเมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยใช้ระยะเวลา 120 วัน 

 

โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้องและโคขุนครั้งนี้ขอใช้งบกลางน้อยมาก เพราะมีเกษรกรเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากถึง 5 แสนรายที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ตนยืนยันว่าเกษตรกรมีรายได้และตลาดแน่นอน เพราะไปดูตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกได้จริงที่รอรับซื้ออยู่แล้ว โดยจะเสนอท่านรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ก่อนเข้าสู่การพิจารณาจาก ครม. ต่อไป

 

ได้สรุปรายละเอียดโครงการ เพื่อนำเสนอทั้งหมดแล้วโดยรมว.เกษตรฯ ยินดีที่จะนำเสนอเพื่อสร้างรายไดให้กับเกษตรกรในเฟสแรกที่จะสร้างรายได้ให้กับเกษรกรภายใน 120 วัน  ซึ่งจะสามารถเลี้ยงได้ทันที คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน หรือหลังน้ำลด

 
ผู้สื่อข่ารายงานว่า ภายหลังการ รับหนังสือ จาก ตัวแทนเกษตรกร นายประพัฒน์ ได้ เดินทางมาพบกับเกษตรกรที่บริเวณ หน้ากระทรวงเกษตรฯ  โดยมีนายอลงกรณ์​ พลบุตร์​ทีปรึกษา รมว. เกษตร มาร่วมชี้แจงให้กับเกษตรกรรับฟังด้วยนอกจากนั้น นายประพัฒน์ ยังได้ตระโกนเชิญ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า  รมช. เกษตร ที่กำลังจะเดินขึ้นห้องทำงานให้เข้ามาร่วมชี้กับเกษตรกรด้วย โดยร้อยเอกธรรมนัส ได้มีการพูดหยอกล้อนายประพัฒน์ไปว่า สวัสดีครับท่าน หัวหน้าม๊อบตัว สบายดีไหมครับพี่น้อง พร้อมกับยืนยันว่า กระทรวงเกษตรพร้อมเร่งรัดในการช่วยเหลือเกษรกรเต็มที่ ตามแนวทางของรัฐบาลให้เร็วที่สุดทันทีภายหลังน้ำลด จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ