ข่าว

รมช.เกษตรฯ มอบนโยบายดูแลสมาชิกสหกรณ์กว่า 12.117 ล้านครอบครัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รมช.เกษตรฯ มอบนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์ดูแลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 12,858 แห่ง สมาชิกกว่า 12.117 ล้านครอบครัว

             รมช.เกษตรและสหกรณ์ประชุมมอบนโยบายกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมรับฟังสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ 12,858 แห่ง สมาชิกรวมกว่า 12.117 ล้านครอบครัว แต่ละปีสหกรณ์มีการดำเนินธุรกิจรวบรวมสินค้าเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว ข้าวโพดยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ ปริมาณ  ไม่น้อยกว่า 5.530 ล้านตัน/ปี และสหกรณ์อีกจำนวน 718 แห่ง ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการพืชผลการเกษตรและการ              แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ปริมาณไม่น้อยกว่า 1.103 ล้านตัน/ปี
 

               นางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาประชุมเพื่อมอบนโยบายการพัฒนาระบบสหกรณ์และการขับงเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์                              โดยมีนายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมคณะผู้บริหารกรมฯ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องขับร่วมประชุมเบื้องต้นทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้นำเสนอถึงภารกิจและหน้าที่ในการดำเนินงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์                 ซึ่งต้องดูแลและสนับสนุนการดำเนินงานให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ 12,858 แห่ง สมาชิกรวม 12.117 ล้านครอบครัว  ทุนดำเนินงานรวม 3.13 ล้านล้านบาท ปริมาณธุรกิจรวม 2.52 ล้านล้านบาท ซึ่งสัดส่วนจำนวนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ แบ่งเป็นสหกรณ์ภาคการเกษตร 4,547 แห่ง สมาชิก 6.677 ล้านคน สหกรณ์นอกภาคการเกษตร 3,550 แห่ง สมาชิก 4.958 ล้านคน และกลุ่มเกษตรกร 4,761 แห่งสมาชิกกลุ่มเกษตรกร 0.481 ล้านคน 
                 กรมส่งเสริมสหกรณ์มุ่งเน้นพัฒนาการดำเนินงานและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ เพื่อให้ทำหน้าที่ในการดูแลอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้กับสมาชิก โดยเฉพาะสหกรณ์ในภาคการเกษตร ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการดูแลเกษตรกรตลอดห่วงโซ่การผลิต เริ่มจากการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสำหรับนำไปลงทุนประกอบอาชีพทำการเกษตร การส่งเสริมการผลิตสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพ การดูแลบริหารจัดการพื้นที่การเกษตร การจัดหาปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยลดต้นทุน การรวบรวมผลผลิตเพื่อนำมาสู่กระบวนการแปรรูปหรือปรับปรุงคุณภาพ และการจัดหาตลาดรองรับผลผลิตให้กับเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรแหล่งจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอนและสามารถกำหนดราคาขายได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมา มีสหกรณ์การเกษตร 1,573 แห่ง ดำเนินธุรกิจรวบรวมและรับซื้อผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญ อาทิ ข้าว ข้าวโพดยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลังและผลไม้ ปริมาณไม่น้อยกว่า 5.530 ล้านตัน/ปี และสหกรณ์อีกจำนวน 718 แห่ง ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการพืชผลการเกษตรและการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ปริมาณไม่น้อยกว่า 1.103 ล้านตัน/ปี 
               สำหรับในปีงบประมาณ 2563 กรมส่งเสริมสหกรณ์มุ่งเน้นการพัฒนาสหกรณ์ให้เป็นองค์กรหลักระดับอำเภอ              โดยส่งเสริมให้สหกรณ์การเกษตรมีบทบาทในการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนในแต่ละพื้นที่ เนื่องจาก                  ในแต่ละอำเภอจะมีประชากรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรไม่น้อยกว่า 40-50 % ดังนั้น สหกรณ์จะต้องปรับบทบาทใน        การดำเนินงาน มุ่งเน้นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกเพิ่มมากขึ้น เบื้องต้น จะมีการพัฒนาการผลิตพืชผลการเกษตรให้ได้มาตรฐาน GAP พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาการแปรรูปผลผลิตเพื่อยกระดับและเพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตร 10 ชนิด จำนวนไม่น้อยกว่า 30 ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สินค้าของสหกรณ์เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

         

             นอกจากนี้ ยังเดินหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพสหกรณ์ในการรวบรวมและเก็บชะลอสินค้าเกษตร เพื่อดึงปริมาณผลผลิตการเกษตรที่สำคัญเข้าสู่กระบวนการแปรรูป               เพิ่มมูลค่าก่อนส่งจำหน่ายสู่ตลาด ซึ่งจะทำให้สินค้าไม่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก และป้องกันปัญหาการกระจุกตัวของสินค้า เพื่อใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาสินค้าการเกษตรให้กับเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ