ข่าว

กรมเจรจาการค้าฯผนึกสหกรณ์ไทยพัฒนาองค์ความรู้สู่การค้าเสรี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมเจรจาการค้าฯผนึกสหกรณ์ไทยพัฒนาองค์ความรู้สู่การค้าเสรี

           ลงลึกถึงต้นน้ำสำหรับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เดินสายแจงรายละเอียดการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ(FTA)ว่าด้วยภาษีส่งออกเป็นศูนย์ในสินค้าเกษตรหลายรายการของไทยกับประเทศคู่ค้าที่ลงนามในข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 18 ประเทศทั่วโลก    

 

       เอฟทีเอหรือFTA ย่อมาจาก Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรี เป็นการทำความตกลงทางการค้าของประเทศ อาจเป็น 2 ประเทศ (ทวิภาคี) หรือเป็นกลุ่มประเทศ (พหุภาคี)ที่จะร่วมมือขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร  

     ยางพาราเป็นอีกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาไทยส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่า 4,602.1 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นยางแท่ง 2,222 ล้านเหรียญสหรัฐ น้ำยางธรรมชาติ 1,354.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ยางแผ่น 902.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และยางพาราอื่นๆ 123.2 ล้านเหรียญสหรัฐ 

      และในปี 2562 (ม.ค.– มิ.ย. 62) ไทยส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางมูลค่า 2,177.2 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นยางแท่ง 1,190.6 ล้านเหรียญสหรัฐ น้ำยางธรรมชาติ 577.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ยางแผ่น 382.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และยางพาราอื่นๆ 26.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เป็นต้น

       ด้วยเหตุนี้กรมเจราการค้าฯร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และสภาหอการค้าไทย จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง“พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี”  ณ กะช่องฮิลล์ รีสอร์ท อ.นาโยง จ.ตรัง  ปลายเดือนก่อน โดยเชิญเครือข่ายสหกรณ์ในพื้นที่ร่วมวงเสวนากับภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ และการยกระดับสหกรณ์ไทยในโลกการค้าเสรี เพื่อให้เกษตรกรและสหกรณ์ยางพาราใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้มากขึ้น

      อันจะนำมาสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตสินค้า เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับผลิตภัณฑ์ยางพาราไทยและขยายตลาดสู่ต่างประเทศ สร้างความมั่นคงด้านรายได้แก่สหกรณ์และเกษตรกรยางพาราไทยในระยะยาว

      "การลงพื้นที่จ.ตรังครัง้นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ในการติดอาวุธเรื่องที่กรมเจรจาการค้าไปเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอมาแล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร เมื่อก่อนเวลาที่เราไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศ เราจะดูจากข้อมูลตามเปเปอร์ที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งมา แต่ไม่เคยเห็นของจริง กระบวนการผลิตจริง วันนี้เราได้มาเห็นของจริงแล้วจะได้ไปอธิบายกับต่างประเทศได้ถูกต้อง คือเราก็ได้เกษตรกรก็๋ได้ เราได้เห็นของจริง เกษตรกรได้รับรู้ข้อมูลเอฟทีเอ"

      บุณิกา แจ่มใส ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาความพร้อมทางการค้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าวตอนหนึ่งในช่วงเปิดเวทีสัมมนา โดยย้ำว่าการสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้ทุกคนมีความตื่นตัวและเข้าใจมากขึ้นว่าเอฟทีเอไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปและเป็นเรื่องที่ยิบออกมาเป็นอาวุธในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ในขณะที่ภาษีสินค้าลดลงเป็นศูนย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางการค้าการส่งออกต่อไปในอนาคต 

     "ในการการค้าของโลกปัจจุบันมันเชื่อมต่อกันทั้งใบ ถึงแม้ว่าเราจะไม่แข่งแต่สภาพแวดล้อมมันจะบีบบังคับให้เราต้องปรับคตัว ก็เป็นโอกาสดีที่สหกรณ์มองเห็นโอกาสตรงนี้ว่าสินค้าของประเทศไทยก็มีศักยภาพ เราจึงร่วมมือบูรณาการหลาย ๆ หน่วยงานเพื่อเพิ่มเพิ่มศักยภาพของสหกรณ์ไทย"

    เธอยอมรับว่าวันนี่้ปัญหาที่เกิดขึ้นแน่นอนเรื่องของราคาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกลไกทางด้านการตลาดของดีมานด์ซับพลายในตลาดโลก แต่สิ่งหนึ่งเราจะทำอย่างไรให้มีความเข้มแข็งและมีความสามารถในการผลิตได้ แลหลายหน่วยงานมองตรงกันว่าจะทำอย่างไรให้สหกรณ์ สถาบันเกษตรกรผลิตสินค้าที่ีมีคุณภาพและได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมากและมีอีกหลายปัจจัยที่จะส่งผลให้การผลิตการผลิตได้มาตรฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมเรื่องของการวิจัย 

      "เป็นที่น่ายินดีที่ทางกรมเจรจาการค้าได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำโครงการนำร่องให้กับสหกรณ์ที่เข้มแข็ง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานส่งออก โดยจะเริ่มในปีหน้า"ผอ.สำนักพัฒนาความพร้อมทางการค้ากล่าว    

       มนัส หมวดเมือง ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรังกล่าวถึงการเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอว่าเป็นโอกาสดีของสหกรณ์ที่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้อย่างละเอียด ที่ผ่านมายังไม่เคยมีหน่วยงานใดมาชี้แจงรายละเอียดให้เห็นถึงประโยชน์ในเรื่องดังกล่าวมาก่อน ซึ่งจะมีผลอย่างมากหากสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต้งอส่งออกไปยังต่างประเทศ

        "ที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้เรื่องเอฟทีเอหรือการเปิดเสรีทางการค้ามาก่อน เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเกษตรกรอย่างพวกเรา การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศของสหกรณ์เราก็จะส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง เราแค่ผู้ผลิตสินค้าให้เขาตามออเดอร์ที่สั่งมาก็แค่นั้น  แต่ต่อไปนี้ถึงแม้เราจะส่งผ่านพ่อค้าคนกลางก็จำนวนจะต้องรู้ในเรื่องนี้ด้วย ยิ่งถ้าส่งออกเองในอนาคตก็ยิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง"ผู้จัดการสหกรณ์ฯบ้านหนองครกให้มุมมอง   

        ด้าน ชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานหอการค้าไทยกล่าวถึงการเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ผลิตสินค้าหรือโปรดักส์ โดยเฉพาะสหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกรที่มีแผนการการส่งออกสินค้าเอง ซึ่งปัจจุบันมีหลายสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งและสามารถส่งออกสินค้าเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ขณะเดียวกันก็มีหลายสหกรณ์ที่มีความพร้อมในเรื่องตัวสินค้าที่พร้อมจะทำการส่งออก แต่ก็มีความไม่เข้าใจในเรื่องภาษี

          "ประเทศไทยเราก็มีการติดต่าค้าขายกับต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา จนมาถึงรัตนโกสินทร์ ทุกวันนี้ก็มีการติดต่อค้าขายเพียงแต่วิธีการจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย สมัยก่อนก็มีการเก็บภาษีเหมือนกัน แต่ไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยนี้ ถามว่าคุณมีสินค้าแล้วจะไม่ขายก็ไม่ได้ ก็ต้องขายออกไปใช่ไม๊ การค้าขายจึงมีความจำเป็น บางครั้งเกษตรกรไม่เข้าใจทำไมราคาสินค้าเกษตรตกหรือขายไม่ได้ราคา ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องภาษีด้วย"

        ชูศักดิ์ยังได้อธิบายถึงการเปิดการค้าเสรีหรือเอฟทีเอของประเทศไทยกับประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 18 ประเทศรวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนว่าเป็นการจัดเก็บภาษีศุลกากรเท่านั้น ไม่ใช่ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีแวตที่จัดเก็บภายในประเทศ ซึ่งสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ประเทศต่าง ๆ ก็มีการเก็บอยู่แล้วยกเว้นประเทศไทยที่ีไม่มีการเก็บภาษีแวตกับสินค้าเกษตร 

          "สินค้าเกษตรเกือบทุกประเทศต้องเสียภาษีแวตหมด ยกเว้นไทยและประเทศในสหภาพยุโรป อย่างจีนเขาเก็บภาษีแวตสินค้าเกษตร13% ไทยไม่มีภาษีแวต เห็นไหมว่าทำไมพืชผักผลไม้ที่นำขเ้าจากจีนราคาจึงถูกกว่าของไทย เพราะเขามาายบ้านเราไม่เสียแวต ขณะที่สินค้าเกษตรของไทยไปขายที่จีนจะต้องบวกภาษีแวตเพิ่มอีก13% แม้ว่าไทย-จีนจะมีเอฟทีเอ ภาษีนำเข้าจะเป็นศูนย์ก็ตาม ซึ่งต้งอทำความเข้าใจกับเกษตรกรในส่วนนี้ด้วย"รองประธานหอการค้าไทยกล่าวย้ำ

         สำหรับโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี” ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ทั้งหมด 4 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งที่ 1 จัดไปเมื่อวันที่ 3 - 4 กรกฎาคม 2562 ณ สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด จังหวัดลำพูน สินค้าลำไย ครั้งที่ 2 จัดเมื่อวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม 2562 ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด จังหวัดตรัง สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูป ครั้งที่ 3 ที่สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี สินค้าเงาะและกล้วยหอม และครั้งที่ 4 ที่สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร สินค้าโคเนื้อ ผู้สนใจแจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ FTA Center โทรศัพท์ 02-507-7555

 

          สำหรับโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี” ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ทั้งหมด 4 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งที่ 1 จัดไปเมื่อวันที่ 3 - 4 กรกฎาคม 2562 ณ สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด จังหวัดลำพูน สินค้าลำไย ครั้งที่ 2 จัดเมื่อวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม 2562 ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด จังหวัดตรัง สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูป ครั้งที่ 3 ที่สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี สินค้าเงาะและกล้วยหอม และครั้งที่ 4 ที่สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร สินค้าโคเนื้อ ผู้สนใจแจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ FTA Center โทรศัพท์ 02-507-7555

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ