ธปท.หวั่นหนี้สะสมสมาชิกสหกรณ์ เตรียมเบี้ยว4หมื่นล้าน

  

        กรมส่งเสริมสหกรณ์ เตรียมปฏิวัติการแก้หนี้สมาชิกสหกรณ์กว่า 1.75 แสนล้านบาท หารือธกส. พักหนี้สมาชิก 3 ปี ให้ทุนสมาชิกกู้สร้างรายได้ เงินคล่องมือค่อยเริ่มชำระหนี้  หลังธปท.ตรวจพบไม่ได้ชำระจริง แต่เป็นการกู้เงินจากที่อื่น เพื่อนำเงินมาหมุนเพื่อขอปรับบัญชีเป็นการเพิ่มหนี้แบบพอกหางหมู ก่อนพาลงเหวกันทั้งระบบ

          พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวถึงการเตรียมผลักดันโครงการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับสมาชิกสหกรณ์ให้มากขึ้น เพิ่มเติมจากรายได้จากปลูกพืชชนิดเดียวหรือรอรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพียงปีละครั้ง ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่พอจ่าย มีผลกระทบต่อการชำระหนี้กับสหกรณ์หรือสถาบันการเงิน โดยโครงการดังกล่าวให้แต่ละสหกรณ์ไปคิดว่าต้องการทำอาชีพอะไร เพื่อที่จะได้ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ จากนั้นกรมจะช่วยเหลือในเรื่องทุนให้กับสมาชิกผ่านสหกรณ์

        “ผลจากการหารือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ที่พบว่า ลูกค้าธกส.จะกู้เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ หรือกู้สหกรณ์มาชำระหนี้ธกส.และปรับสัญญาใหม่ ซึ่งกรณีนี้มีรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พบว่า กลุ่ม เอส 3 หรือกลุ่มสหกรณ์ เกษตรกร ไม่ได้ชำระจริง แต่เป็นการกู้เงินจากที่อื่น เพื่อนำเงินมาหมุนชำระหนี้ธกส. เพื่อขอปรับบัญชีเป็นการเพิ่มหนี้แบบพอกหางหมู ซึ่งเป็นประเด็นที่ทางธปท. กังวลว่าอนาคตธกส.จะมีปัญหา ฉะนั้นธกส.พร้อมจะช่วยสหกรณ์แก้ไขอย่างจริงจัง เพราะมาตรการพักหนี้ที่ผ่านมาพบว่าเกษตรกรไม่ได้มีการสร้างรายได้เพิ่ม หากไม่ช่วยกันแก้ไขเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ใน 3-4 ปี ทั้งธกส.และสหกรณ์มีปัญหาอย่างแน่นอน เหตุเพราะว่าสมาชิกไม่ชำระหนี้หรือค้างชำระเนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ “พิเชษฐ์กล่าว

         อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาพบว่า สหกรณ์ส่วนมากไม่ค่อยทำธุรกิจสร้างรายได้ แต่ไปเน้นในเรื่องกิจการปล่อยกู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหกรณ์ไม่ค่อยทำบทบาทสร้างรายได้ให้สมาชิก โครงการนี้จะมาตอบโจทย์ ซึ่งกรมจะใช้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.) ปล่อยกู้สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ โดยให้สหกรณ์ทำแผนงานโครงการเสนอเข้ามา เพื่อนำเงินไปปล่อยให้สมาชิกสหกรณ์กู้ ไม่เกิน 20,000 บาทต่อรายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 นำไปสร้างอาชีพใหม่เพื่อสร้างรายได้และมีเงินส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์

         อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ย้ำด้วยว่าเบื้องต้นได้เดินสายประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรการเกษตรใน 5 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่สุราษฎร์ธานี  ลำปาง ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ชลบุรี โดยจะครบทั้งหมดในวันที่ 11 ก.ค.62 ทั้งนี้เพื่อระดมความเห็นและแนวทางการแก้ไขหนี้สินทั้งหมดของสมาชิก และยังได้ลงพื้นที่หารือกับสหกรณ์การเกษตร หลายแห่ง เช่นสหกรณ์ปลูกสัปปะรดลำปาง จำกัด และอีกบางสหกรณ์ พบว่าสมาชิกเกือบทุกสหกรณ์ต้องการมีรายได้เพิ่ม เพื่อปลดหนี้ แต่ขาดตลาดและทุนดำเนินงาน ในขณะที่บางสหกรณ์ที่มีการวางแผนการผลิตพบว่า สหกรณ์ผู้ใช้น้ำฝายยางประสบสุข จำกัด ที่มีการวางแผนการผลิตให้กับสมาชิกมีรายได้เพิ่มและมีเงินฝาก

           ขณะที่ สุพิทยา พุกจินดา  ผู้เชี่ยวชาญกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเสริมว่า ต้องเร่งเดินหน้าโครงการเพิ่มรายได้ให้กับสหกรณ์ ก่อนที่องค์การสหกรณ์ทั้งประเทศจะล้มสลายข เนื่องจากพบว่า เงินในระบบสหกรณ์ทั้งประเทศมีประมาณ 2 ล้านล้านบาท แต่พบว่า ปี 2560 สมาชิกมีหนี้ร่วม 175,063 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ของสหกรณ์ภาคเกษตร 163,585 ล้านบาท ภาคประมง 590 ล้านบาท นิคมสหกรณ์การเกษตร 8,227 ล้านบาท หนี้กลุ่มเกษตรกร 2,660 ล้านบาท โดยหนี้สมาชิกทั้งหมดเป็นหนี้ปกติ 133,445 ล้านบาท หนี้เอ็นพีแอล 41,618 ล้านบาท

         “ตัวเลขทรัพย์สินสหกรณ์กว่า 2 ล้านล้านบาทดูดี แต่ที่น่ากลัว คือ หนี้สมาชิกทั้งสิ้นมี 1.75แสนล้านบาท 1.75 แสนล้านแยกเป็น หนี้ปกติ 1.3 แสนล้านบาท หนี้เตรียมเบี้ยว หรือเอ็นพีแอล 4 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นหนี้ 1.3 แสนล้านบาทมีหนี้หมกอีกมาก"

           สุพิทยาเผยต่อว่าเมื่อมาดูเอ็นพีแอลพบว่าน่ากังวลเพราะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2558 เอ็นพีแอล 31,367 ล้านบาท ปี ปี 59 เอ็นพีแอล 36,848 ล้านบาท ปี 60 เอ็นพีแอล 40,996 ล้านบาท เพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องรวมกันคิดและพัฒนาเพื่อให้สมาชิกมีรายได้เข้ามา นอกจากนั้นยังพบว่า สหกรณ์การเกษตร มีเงินออมประมาณ 20,788 บาทต่อคนต่อปี หนี้สิน 27,759 บาท ติดลบ 6,971 บาท ต่อคนต่อปี สหกรณ์ประมง เงินออม 20,252 บาทหนี้สิน 39,562 บาท ติดลบ 19,310 บาทต่อคน สหกรณ์นิคม เงินออม 20,306 หนี้สิน 39,855 หนี้สิน 15,548 บาทต่อคน กลุ่มเกษตรกร เงินออม 2,751 หนี้สิน 5,442 ติดลบ 2,691 บาทต่อคน

      ด้าน สุทิน ปันดี  ผู้จัดการสหกรณ์ผู้ใช้น้ำฝายยางประสบสุก จำกัดกล่าวเห็นด้วยกับแนวทางของกรมที่จะส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก เพราะส่วนตนเดิมเข้ามาที่สหกรณ์แห่งนี้ ปี 2543 ก็พบปัญหามาก ท้อแท้มาก สหกรณ์ไม่มีรายได้ ปล่อยกู้ เก็บหนี้ไม่ได้ เมื่อ สิบปีก่อนปล่อยกู้ 2 ล้านบาท เก็บหนี้ยาก โดนต่อว่าว่าสหกรณ์ไม่หารายได้เลย หลังจากเราทุ่มเททำงาน ที่จะส่งเสริมอาชีพให้มั่นคง ให้เกษตรกรอยู่ได้ เรามุ่งเน้นสร้างรายได้ส่งเสริมอาชีพ สหกรณ์ปลูกพืชเศรษฐกิจ 9 ชนิด เช่น ข้าวโพด ปาล์ม มันสำปะหลัง ถั่ว และกรณีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เริ่มปลูกข้าวโพด ขณะนั้นสมาชิกไม่มั่นใจเพราะเป็นสหกรณ์เล็ก จึงนำร่องในกลุ่มกรรมการ 50 ไร่ เมื่อมีรายได้เกษตรกรเริ่มทำตามขยับเป็นพันไร่ และ 4 พันไร่ และปัจจุบันที่เข้าโครงการ 9 พืช พืชเศรษฐกิจ ทำให้สมาชิกมีรายได้จากการขายผลผลิตมีรายได้ ทำให้สมาชิกมีเงินมาฝากถึง 30 กว่าล้านบาท ต่อไปจะทำเมล็ดพันธุ์พืช เช่นข้าว 

         นับเป็นอีกก้าวในการร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับธ.ก.ส.ในการแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ก่อนจะลุกลามใหญ่โตจนยากจะเยียวยา 

 แนวโน้มธุรกิจสินเชื่ิอภาคเกษตรชำระหนี้ไม่ได้ตามกำหนด(NPL)

ปัญหา

      - สภาพดินป้าอากาศ/ราคาพืชผลผลิตผัวผวน/ต้นทุนากรผลิตสูง

      - ความสามารถในการชำระหนี้ขึ้นอยู่กับรายได้จากการขายผลผลิต

      - พฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกเกษตรกร

แนวทางแก้ไข

     - คุณภาพของการปล่อยสินเชื่อ ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาสภาพคล่อง

     - มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

     - ใช้ความรอบคอบในการพิจารณาให้สินเชื่อโดยใช้ตามวัตถุประสงค์ในการขอกู้ตามที่แจ้งไว้และความสามารถในการชำระหนี้

     - สร้างวิจัยการออมแก่สมาชิก