จ.ตากประสานทีม5เสือขับเคลื่อน"ข้าวโพดหลังนา"

 

           การลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังเป็นประธานร่วมในพิธีฉลองความสำเร็จในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ข้ามแม่น้ำเมยหรือตองยิน แห่งที่ 2 ท้ายบ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอดแล้ว  จากนั้นช่วงบ่ายจึงได้พบปะประชาชนในพื้นที่ที่มาคอยต้อนรับราว 5 พันคน บริเวณด่านพรมแดนอาคารใหม่ ขณะเดียวกันสำนักงานเกษตรจังหวัดตากนำโดยหัวหน้า “ระพีทัศน์ อุ่นจิตต์พันธ์” และเจ้าหน้าที่ก็ได้นำผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่จัดแสดงโชว์แก่นายกรัฐมนตรีและคณะด้วย

         “ขอให้ชาวบ้านใส่ใจให้มากๆ กับพื้นที่การเกษตรของตนเอง ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เขาเหนื่อยที่พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้พวกเราอยู่ได้ นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นเกษตรแปลงใหญ่ การรวมกลุ่มการผลิต หรือตลาดนำการผลิตก็เพื่อความมั่นคงยั่งยืนในการดำรงชีพของพวกเรา” คำปราศรัยตอนหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวกับชาวบ้านที่มารอต้อนรับ       

             ตากก็เป็นอีกจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาและโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 54 แปลง มีพืชเกษตรกว่า 14 ชนิดที่ชาวบ้านเพาะปลูก โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจอย่าง “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในจังหวัดนี้มาอย่างยาวนาน  เห็นได้จากพื้นที่เป้าหมายเดิมที่รัฐบาลกำหนดให้จังหวัดตากซึ่งมีเพียงแค่ 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองตาก บ้านตาก สามเงา และวังเจ้า มีพื้นที่เป้าหมาย 6,163.38 ไร่  

               แต่จากผลการดำเนินงาน ปรากฏว่ามีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการถึง 2,882 ราย มีพื้นที่ร่วมโครงการเกินจากเป้าหมายถึง 25,070.75 ไร่ หรือคิดเป็น 406.76% จากเป้าหมายที่ได้รับในพื้นที่ 8 อำเภอ ยกเว้นอำเภออุ้มผาง 

               “จังหวัดตากได้ให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลในโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา จึงได้สนับสนุนการทำงานของทีมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาตามนโยบายของทางรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยสามารถประชาสัมพันธ์และรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้เกินเป้าหมายที่กำหนด” บางช่วงบางตอนที่ "เจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์" ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวในงานวันรณรงค์การปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา

               บ้านวังหวาย ต.วังหมัน อ.สามเงา จ.ตาก  หนึ่งในพื้นที่โครงการเกษตรแปลงใหญ่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โดยมี "ดอกไม้ สิงใส" เป็นประธาน ปัจจุบันแปลงใหญ่โครงการนี้มีสมาชิกเข้าร่วมจำนวน 39 ราย มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดประมาณ 400 ไร่เศษ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่บางแปลงเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว โดยมีบริษัทเข้ามารับซื้อผลผลิตถึงที่ สนนในราคา 6-7 บาทที่ความชื้น 30% ในขณะจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบจากหนอนกระทู้ระบาดจนได้รับความเสียหายทำให้ต้องแก้ปัญหาด้วยการฉีดสารเคมี ซึ่งก็มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

              “ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก หลังรัฐบาลส่งเสริมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ที่ผ่านมาสำนักงานเกษตรจังหวัดตากส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลให้คำแนะนำโดยตลอด แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือหนอนกระทู้ลงหนักมาก บางแปลงก็เสียหายเกือบทั้งหมด ต้องซื้อยามาฉีดพ่น ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไร่ละ 700-800 บาท ก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้ด้วย” ประธานแปลงใหญ่คนเดิมกล่าว

               ไม่เพียงบ้านวังหวายที่เจอปัญหาหนอนกระทู้ระบาด บ้านปากวัง ต.ตากออก อ.บ้านตาก ก็เป็นอีกพื้นที่ที่เจอหนอนกระทู้ระบาดเช่นกัน อย่างกรณี "บุญ สุยะ" หนึ่งในเกษตรกรเข้าร่วมโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ซึ่งยึดอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มานานหลายปีออกมายอมรับว่าปีนี้การระบาดของหมอนกระทู้หนักที่สุดทำให้ข้าวโพดได้รับความเสียหายหลายแปลง แต่ยังโชคดีที่เกษตรจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ลงมาติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งแนะนำวิธีการแก้ปัญหาตามหลักวิชาการทำให้สามารถลดการระบาดของศัตรูข้าวโพดชนิดนี้ได้ระดับหนึ่ง

              “ของผมมี 9 ไร่ 3 งาน ใช้เมล็ดข้าวโพดพันธุ์แปซิฟิก 339 ใช้พันธุ์นี้มาโดยตลอด ทุกปีให้ผลผลิตดีมาก แต่ปีนี้หนอนกระทู้ระบาดอย่างหนักพยายามใช้ยาฉีดพ่นแก้ปัญหาอยู่ ซึ่งจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้วันที่ 10 เมษายนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่ แต่คิดว่าปีนี้ขาดทุนแน่นอน” เกษตรกรรายเดิมกล่าวกับ “คม ชัด ลึก” พร้อมย้ำว่าหากไม่มีหนอนกระทู้มาทำลาย คาดว่าผลผลิตข้าวโพดปีนี้ดีแน่นอน อีกทั้งยังมีความพร้อมในเรื่องตลาดรองรับ ปัญหาเรื่องราคารับซื้อก็ไม่มี เพราะบริษัทได้ประกันราคาไว้ที่ 6-7 บาทต่อกิโลกรัมในความชื้นที่ 30% ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ได้มีกำไรไม่ขาดทุนแน่นอน หากเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไร่ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

              รพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ เกษตรจังหวัดตาก กล่าวถึงการดำเนินการแก้ปัญหาการระบาดของศัตรูพืชในข้าวโพดว่าขณะนี้ได้ตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าไปดูแลช่วยเหลือแนะนำอย่างเร่งด่วน โดยมีการผนึกกำลังทีม 5 ทหารเสือ เร่งเดินหน้าดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาอย่างเต็มกำลัง ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการมีการประชาสัมพันธ์และจัดเวทีสร้างการรับรู้เพื่อชี้แจงให้เกษตรกรรับทราบและเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของโครงการและมาตรการจากภาครัฐ  

           “ทางทีมงาน 5 ทหารเสือของจังหวัดตาก มีการระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าไปดูแล เป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกรอย่างใกล้ชิดตั้งแต่กระบวนการเตรียมการและวางแผน การผลิต กระบวนการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตองค์ความรู้ต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ถูกต้องอย่างเต็มที่ ระบบประกันภัย การให้สินเชื่อรวมทั้งการจัดหาตลาด โดยการนำสหกรณ์การเกษตรมากำหนดจุดรับซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรในการขายผลผลิต"

              เกษตรจังหวัดตากย้ำด้วยว่า สำหรับจุดรับซื้อข้าวโพดของสหกรณ์ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้าธ.ก.ส.ตาก จำกัด สหกรณ์นิคมแม่สอด จำกัด สหกรณ์นิคมแม่ระมาด จำกัด สหกรณ์การเกษตรแม่สอด จำกัด สหกรณ์การเกษตรแม่ระมาด จำกัด และสหกรณ์การเกษตรพบพระ จำกัด และนอกจากนั้นยังมีจุดรับซื้อของภาคเอกชนในพื้นที่ เกษตรกรจึงมั่นใจและวางใจได้ว่าการปลูกข้าวโพดจะไม่มีปัญหาด้านแหล่งจำหน่ายอย่างแน่นอน พร้อมทั้งมีการบูรณาการการทำงานในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ไปพร้อมกัน 

   

         “นับเป็นสัญญาณที่ดีที่ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานภาคีเครือข่าย จึงส่งผลให้การดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทํานาของจังหวัดตากประสบผลสำเร็จทะลุเป้าหมายของโครงการ คาดการณ์ผลผลิตทั้งหมดที่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะมีผลผลิตประมาณ 25,543 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในโครงการและนำเงินเข้าสู่จังหวัดตากไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทแน่นอน” เกษตรจังหวัดตาก กล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจ