ข่าว

 ส่องนโยบาย"ข้าวโพดหลังนา"ได้ฤกษ์เก็บผลผลิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 ส่องนโยบาย"ข้าวโพดหลังนา" ได้ฤกษ์เก็บผลผลิตส่งรง.อาหารสัตว์      

 

                โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาตามนโยบายรัฐบาล เริ่มมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยหันมาปลูกข้าวโพดแทนการปลูกข้าวนาปรังเป็นครั้งแรก หลังรัฐบาลรับประกันในเรื่องการตลาด โดยใช้ระบบสหกรณ์เป็นตัวเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับบริษัทที่รับซื้อผลผลิต 

 ส่องนโยบาย"ข้าวโพดหลังนา"ได้ฤกษ์เก็บผลผลิต

                 ล่าสุดเมื่อวันที่ 9-10 มกราคม ที่ผ่านมา กฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  พร้อมคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ลงพื้นที่ดูความก้าวหน้าของโครงการในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์

                 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดภายในประเทศและช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีรายได้ที่มั่นคง โดยมุ่งปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวเป็นการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ที่ตลาดมีความต้องการ โดยระยะแรกของการดำเนินโครงการได้ทดลองส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่นำร่องใน อ.พิชัย  จ.อุตรดิตถ์ โดยมีเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 221 ราย และมีเกษตรกร 67 รายเพิ่งหันมาลองปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาเป็นครั้งแรกในปีนี้

 ส่องนโยบาย"ข้าวโพดหลังนา"ได้ฤกษ์เก็บผลผลิต

                 ซึ่งเกษตรกรทั้งหมดเป็นสมาชิกสหกรณ์ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านโรงหม้อ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านโคกหม้อ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรพิชัย จำกัด มีพื้นที่เพาะปลูก 3,240 ไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วประมาณ 3,800 ตัน โดยสหกรณ์จะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดและส่งต่อให้สหกรณ์การเกษตรเมืองตรอน จำกัด ซึ่งเป็นแม่ข่ายในการรับซื้อผลผลิตจากทั้ง 4 สหกรณ์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการแปรสภาพอบลดความชื้นให้อยู่ที่ 14.5% และส่งจำหน่ายให้บริษัทซีพีเอฟ และบริษัท เบทาโกร จำกัด

              โดยราคาขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 9.80 บาท เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ที่ความชื้นประมาณ 27-30% โดยราคาที่จุดรับซื้อของสหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จ.อุตรดิตถ์ ราคาประมาณ 7-8 บาทต่อกก. เกษตรกรจะมีรายได้เฉลี่ย 8,365 บาทต่อไร่ เมื่อหักต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 3,810 บาทต่อไร่ จะทำให้เกษตรกรมีกำไรเฉลี่ย 4,555 บาทต่อไร่

              “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมแผนการดำเนินงานตั้งแต่ความพร้อมของระบบชลประทาน ความเหมาะสมของสภาพดินในพื้นที่ที่จะปลูกข้าวโพด ตลอดจนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูก สามารถดำเนินการได้ แม้ว่าความชื้นจะเกิน 14% แต่ราคาข้าวโพดไม่ต่ำกว่าจากที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีความต้องการของตลาดโลก และแม้ว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมาจะมีการระบาดของหนอนกระทู้ก็ตาม  แต่กระทรวงเกษตรฯ ก็สามารถจำกัดการแพร่ระบาดศัตรูพืชได้  นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการสนับสนุนการปลูกพืชอื่นนอกจากการทำนา เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพทั้งราคาข้าวและช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชอื่นตามความต้องการของตลาด”

               กฤษฎาเผยต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ปรับแผนการดำเนินงานโดยมีการบูรณาการเชื่อมโยงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และบริษัทเอกชนผู้ผลิตอาหารสัตว์ ร่วมกันทำงานในพื้นที่เพื่อวิเคราะห์สภาพดินเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างละเอียด ตลอดจนได้ถ่ายทอดเทคนิคการปลูก การดูแลรักษา การลดต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนการตลาดกับสหกรณ์ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตและเชื่อมโยงกับภาคเอกชนผู้ผลิตอาหารสัตว์เข้ามารับซื้อข้าวโพดของเกษตรกร โดยสหกรณ์จะทำหน้าที่ในการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบครบวงจร

              สำหรับการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาในปีการผลิต 2561/62 ล่าสุดมีเกษตรกรที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 96,928 ราย พื้นที่ 814,916 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มกราคม 2562) โดยการรับสมัครในปี 2561/2562 นี้ ยังรับสมัครไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2562 ซึ่งเกษตรกรมีความสนใจที่จะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกระทรวงเกษตรฯ จะใช้หลักการตลาดนำการผลิตวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของตลาดและส่งเสริมการปลูกพืชที่จะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยใช้โมเดลการปลูกข้าวโพดเป็นแนวทางในการดำเนินงานส่งเสริมปลูกพืชอื่นๆ อาทิ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง พืชผักต่างๆ ฯลฯ ต่อไป 

 

              พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จในแปลงนำร่องเป็นของนายสมพร แตงน้อย เนื้อที่ 10 ไร่ เพาะปลูกเดือนสิงหาคม 2561 และเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อวันที่ 27 ธัรวาคม 2561 ขายให้สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด ในระดับความชื้นที่ 28% ราคา 7.20 บาทต่อกก. ทำให้มีรายได้ 86,400 บาท และมีกำไรเฉลี่ยไร่ละ 4,850 บาท ส่วนแปลงของนายทองเหลือ มูลนิล สมาชิกสหกรณ์ที่รมว.กษ. เป็นประธานในการเก็บเกี่ยวข้าวโพดในแปลงนี้ มีเนื้อที่ปลูก 3 ไร่ ลงทุนไป 11,370 บาท เริ่มเพาะปลูกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 และเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จทั้งหมดในวันที่ 9 มกราคม  ได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 1,200 กก. ความชื้นประมาณ 27% ซึ่งสหกรณ์จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ทำให้นายทองเหลือ มีรายได้ทั้งสิ้น 28,800 บาท เมื่อหักต้นทุนในการเพาะปลูกผลิต 11,370 บาท จะมีกำไร 17,430 บาท และได้กำไรเฉลี่ย 5,810 บาทต่อไร่

             นับเป็นความหวังของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังมาเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จนสามารถสร้างรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี         

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ