ข่าว

   "แตกตัวทั่วไทย" รวมพลังเกษตรอินทรีย์"วันดินโลก"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

  "แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี"  รวมพลังเกษตรอินทรีย์"วันดินโลก"

 

               รวมพลังคนสร้างสรรค์โลกตามรอยพ่อของแผ่นดินส่งต่อองค์ความรู้เกษตรอินทรีย์สู่เกษตรกรทั่วไทย หวังให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก แหล่งผลิตอาหารปลอดสารพิษ ตามวาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์ของรัฐบาล ที่มี “อ.ยักษ์” วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันเชิงนโยบายด้วยการระดมเครือข่ายพันธมิตร 5 ภาคส่วน 

            อันประกอบด้วย  ภาครัฐ  เอกชน นักวิชาการ  ประชาชนและสื่อสารมวลชน มาร่วมเกี่ยวก้อย รวมพลังขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ทั่วไทย ภายใต้โครงการ “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” หรือการลงแขกช่วยเหลือกันพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ก่อนระดมพลเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ครั้งใหญ่ใน “วันดินโลก” วันที่ 5 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อป่าวประกาศให้ตัวแทนประเทศต่างๆ ที่มาร่วมงาน 108 ประเทศรับรู้ว่า ประเทศไทยคือแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย ปราศจากสารพิษทั้งปวง

 

   "แตกตัวทั่วไทย" รวมพลังเกษตรอินทรีย์"วันดินโลก"

 

     "แตกตัวทั่วไทย" รวมพลังเกษตรอินทรีย์"วันดินโลก"

              “คม ชัด ลึก” ถือโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "อ.ยักษ์" ในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ครั้งที่ 2 ที่สวนอิสรีย์เกษตรอินทรีย์และฟาร์มม้าเมืองจันท์  ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อวันก่อน

+ ทำไมต้องวาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์

              ตอนนี้รัฐบาล ทุกกระทรวง แผนชาติ พ.ร.บ.ทุกฉบับ แม้แต่รัฐธรรมนูญย้ำชัดเลยว่าจะเดินตามรอยพ่อในหลวงรัชกาลที่ 9  รัชกาลที่ 10 ท่านก็ทรงย้ำ เพราะทุกแผนระบบเกษตรต้องพึ่งตนเองให้ได้ ไม่ใช่ยังไปนำเข้าสารพิษ นำเข้าสารเคมีต่างๆ อย่างนี้การพึ่งตนเองก็จะได้น้อยลง มันก็ไม่สอดคล้องกับปรัชญาความพอเพียง คือต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ มีรับสั่งเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้ง ทรงย้ำแล้วย้ำอีก  ไม่ใช่เขียนไว้แต่ในแผน ต้องลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจังด้วย 

             ในแผนชาติเขียนไว้ชัดเจนว่าระบบเกษตรผลิตอาหารมี 2 ระบบคือ 1.เกษตรอินทรีย์กำหนดชัดเลยว่าเป็นมาตรฐานอินทรีย์ที่สากลยอมรับต้องทำให้ได้ เป้าอยู่ที่ 6 แสนไร่ 

              2.ระบบเกษตรที่กว้างกว่าเกษตรอินทรีย์ เรียกว่าเกษตรยั่งยืน หมายความว่าระบบเกษตรอินทรีย์ต้องไม่เจ๊ง ต้องอยู่ยั่งยืนถึงลูกหลาน การปลูกพืชเดี่ยวๆ ไม่ยั่งยืนจะต้องเป็นเกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรรูปแบบอื่นๆ เช่นพุทธเกษตร แต่ที่สำคัญที่สุดยึดแนวพระราชดำริว่าให้สอดคล้องกับภูมิศาสตร์ในแต่ละสังคม พระองค์ท่านใช้คำว่าภูมิสังคม เพราะแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน จะไปทำมาตรฐานเดียวกันไม่ได้ อันนี้เป้าหมาย 5 ล้านไร่เป็นอย่างน้อย

+ ความคืบหน้าขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์  

             รัฐบาลนี้เอาจริง ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนถึง 2 คณะ คณะกรรมการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ระดับชาติ มีรองนายกฯ สมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน ส่วนระดับกระทรวง มีผมทำหน้าที่ประธานคณะอนุกรรมการเกษตรอินทรีย์ต้องทำให้เกิดให้ได้ แล้วมันต้องโยงไปอีกหลายกระทรวง ไม่ใช่กระทรวงเกษตรฯ ทำอย่างเดียว แต่มีกระทรวงอื่นเข้ามาร่วมด้วย 

                 อย่างเช่นกระทรวงสาธารณสุข มาดูแลเรื่องตลาดให้ พันกว่าโรงพยาบาลของทั้งประเทศต่อไปต้องมีอาหารปลอดภัย ให้หมอ พยาบาล คนไข้และญาติ คุณภาพอาหารต้องเป็นไปตามสเปกที่หมอกำหนด คนไข้แต่ละคนจะกินอาหารแบบไหน จะปล่อยชุ่ยๆ แบบเดิมไม่ได้แล้ว 

                  กระทรวงศึกษาธิการก็เข้ามาร่วม เด็กในโรงเรียนต้องได้กินอาหารดีมีประโยชน์ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเหมือนทุกวันนี้ ประเทศไม่รอดแน่ ฉะนั้นเอาจริงในเรื่องอาหารของเด็ก กว่า 3.6 หมื่นโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ มหาวิทยาลัยอีก 200 กว่าแห่ง ต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องคุณภาพของอาหาร 

                คนที่ค้าขายสารพิษเขาก็รู้อยู่เต็มอก แต่ที่ลุกขึ้นมาต้านก็ว่ากันไปตามเกม แต่จริงเขาไม่ยอมกินหรอก ลูกเขาก็ไม่อยากกิน กระทรวงท่องเที่ยวฯ เขาก็ต้องการให้อาหารปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว 35 ล้านคนที่มาเที่ยวเมืองไทยต้องมีอาหารปลอดภัย เขาจะได้ไปประชาสัมพันธ์ได้ว่าเราเป็นหนึ่งในโลกที่ดูแลนักท่องเที่ยวให้มีอาหารปลอดภัย เพราะฉะนั้นเรื่องเกษตรอินทรีย์เดิมทีปีหนึ่งประชุมสักครั้งสองครั้ง พอผมมามีประชุมทุกเดือนแล้วไม่ได้ประชุมในห้องแอร์อย่างเดียว เราจะลงประชุมในพื้นที่ ตามจังหวัดต่างๆ ตอนนี้ขับเคลื่อนทีละ 4 จังหวัด เวลาประชุมเอาผู้ว่าฯ มาลงนามไว้ จะเคลื่อนอย่างนี้ทั้งประเทศจะต้องเกิดให้ได้ในยุคนี้ อีก 7 เดือนจากนี้ไปต้องเร่งสปีด

+ โครงการนี้ช่วยขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างไรบ้าง

                 ถ้าเราฟังพระองค์ท่านดีๆ อย่างไม่มีอคติ หนึ่งท่านลงมือทำให้ดู มีตัวอย่างความสำเร็จให้ดูเต็มไปหมดเลย สองท่านก็เริ่มค่อยๆ ประสานหน่วยงานอื่นๆ แล้วทำ จนปีนี้เราประกาศว่า “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” เอามื้อนี่คือการฟื้นฟูพลังของสังคมไทยเป็นการทำตามหลักภูมิสังคม คนไทยเป็นสังคมที่่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่มีแบมือรอขอให้รัฐมาช่วยอย่างเดียว รัฐมีหน้าที่แค่คอยหนุนให้ประชาชนทุกภาคส่วนทำ ไม่ใช่รัฐไปทำแข่งกับประชาชน นั่นผิดกติกาที่นายกฯ ไปเซ็นสัญญาไว้ทั่วโลกว่าเปิดเสรี แล้วรัฐจะไปแข่งได้ไง ต้องให้ประชาชนทำให้มันเกิดสิ่งดีๆ 

              นโยบายท่านนายกฯ พูดชัดมาก แต่ผู้ปฏิบัติยังง็อกแง็กกันอยู่ ต้องทำให้เกษตรกรแข็งแรง ต้องมั่งคั่ง หลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ พ่อแม่อดอยากยากจนแล้วลูกที่ไหนจะมาทำเกษตร มันก็ไม่อยากทำ ต้องทำชนบทให้แข็งแรงให้ได้ ประชุมทุกครั้งท่านนายกฯ ก็ย้ำทุกครั้งจนผมสงสารท่าน

 

+ มีหน่วยงานใดบ้างมาช่วยขับเคลื่อน

                   มาจาก 5 ภาคส่วน คือ 1.ภาครัฐเป็นผู้ประสานให้คนอื่นทำ จะไปทำทุกเรื่องไม่ได้มันผิดกติกาสากล 2.ภาควิชาการ มหาวิทยาลัย โรงเรียนต้องลุกขึ้นมาทำสอนเรื่องเหล่านี้แก่ประชาชน เด็ก เยาวชนอย่างจริงจัง 3.ภาคประชาชนก็ต้องรวมกันไม่ใช่แบมือรอขอความช่วยเหลืออย่างเดียวมันจะไปไม่รอด ภาคเอกชนนี่สำคัญต้องเข้ามาช่วย คุณอาทิตย์(เชฟรอน) ผมไม่ได้มาชมต่อหน้า เขาเอาจริงเอาหลายปีแล้ว สื่อมวลชนเองมีความสำคัญมากเพราะว่าสื่อนี่ออกปั๊บมันไปถึงคนทุกระดับเลย เพราะฉะนั้นจังที่จะมาทุ่มเทเพราะเห็นประโยชน์ ประโยชน์ท่านก็ได้ ประโยชน์สังคมก็ได้ ก็มาทุ่มเทอย่างจริงจังมาบทบาทของสื่อ บทบาทของมูลนิธิ ภาคประชาสังคม หรือบทบาทของพระสงฆ์ทั้งหมดนี้คือพลังสามัคคีจะต้องร่วมมือกัน 

              เรามีกษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลกในสายตาที่คนอื่นเขามอง นี่บรูไนเขาเชิญผมไปบรรยายให้ฟัง เขาบอกเขาจะผลิตข้าวให้พอ เพราะเขารู้ในอนาคตเขาจะไม่มีสตางค์ซื้อ เพราะน้ำมันไม่มีความมั่นคง แต่ผู้นำเขาฟังพระเจ้าอยู่หัวเรา เขาศรัทธาเขาจึงเชิญผมไป กรมการข้าวส่งคนไปแล้ว 2 ปีกว่ายังไม่ทำอะไรเลย ยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลง เขาระบุเชิญให้ผมไปเอง เพื่อไปช่วยพัฒนาคนของเขาผลิตข้าวให้พอกิน 

   "แตกตัวทั่วไทย" รวมพลังเกษตรอินทรีย์"วันดินโลก"

+ ปัญหาการขับเคลื่อนล่าช้าเพราะอะไร

                 ถ้าให้ผมฟันธง มาจาก 3 ส่วน ภาควิชาการบทบาทไม่เห็นแก่ประชาชนจริง เห็นแก่ตัวเอง เห็นแก่ตำแหน่งของตัวเอง ทำงานเพื่อเอายศเอาตำแหน่งเอาเงิน อันนี้แรงนะ แต่ที่ผมเจตนาพูดแรงๆ เพราะอยากให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ภาคราชการก็เดินตามภาควิชาการ เดินตามภาคธุรกิจเอกชน อะไรที่เป็นพิษแม้จะนิดเดียวก็ต้องหยุดทันทีไม่ใช่ประคองเพื่อจะเอาเงินกันอย่างนี้ ราชการต้องเห็นแก่สุขภาพประชาชน เห็นแก่เด็กประชาชนเป็นหลัก ที่มันเคลื่อนไม่ออกก็เพราะ 3 ส่วนนี้ไม่ร่วมมืออย่างจริงจัง ผมพูดเรื่องนี้มานานแล้ว 30 กว่าปีแล้ว วันนี้ก็ยังจะยืนยันอยู่ว่า 3 ส่วนนี้ ภาคราชการ ภาคธุรกิจและนักวิชาการจับมือกันแล้วไม่เคยฟังประชาชนเลย ประชาชนเขาทำสำเร็จขนาดไหนไม่เคยสนใจที่จะรับฟังเลย 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ