ข่าว

สหกรณ์จับมือพาณิชย์ดันตลาดข้าว กข 43 เข้าห้างโมเดินเทรด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สหกรณ์จับมือพาณิชย์ดันตลาดข้าว กข 43 เข้าห้างโมเดินเทรด

 

กรมส่งเสริมสหกรณ์จับมือกระทรวงพาณิชย์ขยายตลาดข้าวกข 43 ของสหกรณ์ วางแผนจำหน่ายตาม ห้างโมเดิร์นเทรดร้านสหกรณ์ในมหาวิทยาลัยและร้านสหกรณ์ในโรงพยาบาล รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ทั่วประเทศหลังกระแสตอบรับจากผู้บริโภคชื่นชอบรสชาติอร่อย เหนียวนุ่ม แคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง และมีน้ำตาลน้อย ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและลดเบาหวานเตรียมหนุนขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มอีก 1 แสนไร่ โดยกรมการข้าวสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการรับรองคุณภาพแก่สหกรณ์ 

สหกรณ์จับมือพาณิชย์ดันตลาดข้าว กข 43 เข้าห้างโมเดินเทรด

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวถึงผลสำเร็จของการจัดทำโครงการส่งเสริมสหกรณ์ขยายพื้นที่ปลูกข้าวกข 43 ว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับกรมการข้าวส่งเสริมให้สหกรณ์เพิ่มปริมาณการผลิตข้าวกข 43 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานสนับสนุนเรื่องพื้นที่ปลูกข้าวกข 43คัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพในการผลิตข้าว และสนใจเข้าร่วมโครงการ ทำหน้าที่ดูแลและสนับสนุนเกษตรกรที่เป็นสมาชิกปลูกข้าวกข 43 ตามข้อกำหนด เริ่มตั้งแต่ การขึ้นทะเบียนสมาชิกผู้ปลูกข้าวกข 43 การดูแลแปลงปลูกและควบคุมคุณภาพแปลงตามมาตรฐานGAPจนถึงขั้นตอนรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรและหากสหกรณ์ใดมีโรงสีข้าวที่ผ่านมาตรฐานGMPแล้ว ก็สามารถแปรรูปเป็นข้าวสาร เพื่อจำหน่ายสู่ตลาดได้ทันที แต่ถ้าสหกรณ์ยังไม่มีโรงสีก็สามารถที่จะรวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิกเพื่อส่งจำหน่ายให้กับโรงสีเอกชน

ขณะเดียวกันกรมการข้าวจะเข้ามาช่วยดูแลตั้งแต่ขั้นตอนคัดเมล็ดพันธุ์ดูแลแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์และ แปลงผลิตข้าวของสมาชิกสหกรณ์การตรวจรับรองระบบมาตรฐานGAPและรับรองGMPโรงสีข้าวของสหกรณ์ สำหรับการสนับสนุนเรื่องเมล็ดพันธุ์ หากเป็นสหกรณ์ที่เพิ่งเข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุน30%จากกรมการข้าว ส่วนที่เหลือเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ผ่านสหกรณ์ที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวกข 43และผ่านการตรวจสอบรับรองคุณภาพจากกรมการข้าวแล้ว ในราคากิโลกรัมละ19บาทซึ่งกรมการข้าวมีเมล็ดพันธุ์เพียงพอที่จะจำหน่ายให้กับสหกรณ์ที่จะนำไปส่งเสริมสมาชิกได้เพาะปลูกในเดือนเมษายนนี้โดยจะเริ่มที่สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำก่อน ส่วนพื้นที่อื่นจะเริ่มปลูกในเดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งคาดว่าการปลูกข้าวกข 43จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรที่ทำนาปีและนาปรังประมาณ19,000บาทต่อฤดูกาลผลิต

นายพิเชษฐ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีสหกรณ์ได้วางแผนการผลิตข้าวกข 43 นาปี พื้นที่เพาะปลูกรวม 15,016 ไร่ จำนวน 12 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์จำกัด500ไร่สหกรณ์การเกษตรบ้านลาดจำกัด300ไร่สหกรณ์การเกษตรเขาย้อยจำกัด200ไร่สหกรณ์การเกษตรท่าเรือจำกัด300ไร่สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินช้างใหญ่ จำกัด2,000ไร่สหกรณ์นิคมลานสักจำกัด3,000ไร่สหกรณ์การเกษตรทุ่งวัดสิงห์จำกัด1,220ไร่สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด5,014ไร่สหกรณ์การเกษตรนิคมฯบางระกำจำกัด1,000ไร่ สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด 452ไร่สหกรณ์การเกษตรโพทะเลจำกัด500ไร่และสหกรณ์นิคมสวรรคโลกจำกัด(กลุ่มนาแปลงใหญ่ข้าวคลองมะพลับ) 500ไร่ และยังมีสหกรณ์ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีก 4 แห่งคือสหกรณ์การเกษตรคลองหลวงจำกัดสหกรณ์การเกษตร ลำลูกกาจำกัดสหกรณ์การเกษตรบรรพตจำกัดและสหกรณ์การเกษตรเมืองอุทัยธานีจำกัด 

 ทั้งนี้ กรมฯจะเร่งส่งเสริมสมาชิกสหกรณ์หันมาปลูกข้าวพันธุ์กข 43แทนข้าวพันธุ์ทั่วไปเนื่องจากเป็นข้าวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันคุณสมบัติของข้าวกข 43เป็นพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ รสชาติเหนียวนุ่มรับประทานอร่อยมีค่าน้ำตาลอยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำเหมาะกับผู้บริโภคที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและผู้ที่ห่วงใยสุขภาพรวมถึงผู้ที่กำลังลดน้ำหนักเพราะเมื่อรับประทานข้าวกข 43 ซึ่งมีน้ำตาลต่ำ ร่างกายก็จะเปลี่ยนแป้งไปเป็นน้ำตาลได้ช้าลงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและช่วยอิ่มท้องนานไม่หิวง่าย ซึ่งในอนาคตกรมฯมีแผนที่จะสนับสนุนสหกรณ์ต่าง ๆ ขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวกข 43 ให้ครบ1แสนไร่และขณะนี้มีหลายสหกรณ์ทยอยสมัครเข้าร่วมโครงการ แต่เนื่องจากข้าวพันธุ์กข 43 เป็นพันธุ์ข้าวที่ปลูกได้เฉพาะในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นข้าวไม่ไวแสง อายุเก็บเกี่ยวเพียง 95 วัน ดังนั้นลักษณะพื้นที่ปลูกจะมุ่งไปที่สหกรณ์ที่ผลิตข้าวในระบบแปลงใหญ่หากสหกรณ์ใดยังไม่ได้เป็นสหกรณ์ที่อยู่ในระบบแปลงใหญ่ จะต้องสมัครเข้าเป็นระบบการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่เสียก่อนเพื่อให้หน่วยงานราชการอื่นเข้าไปส่งเสริมในเรื่องของการปลูกทั้งการให้ข้อมูลและการถ่ายทอดองค์ความรู้การเพาะปลูก การตรวจรับรองระบบการผลิตที่ตรงตามมาตรฐาน และการส่งเสริมการตลาดนำการผลิต

       สำหรับการขยายช่องทางการจำหน่ายข้าวกข 43 ภายในประเทศ กรมฯได้หารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการวางแผนการตลาด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับภาคเอกชน ทั้งโรงสีและผู้ประกอบการที่สนใจทำข้อตกลงซื้อขายข้าวร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์ ในเบื้องต้นจะมีสหกรณ์ 9 แห่งในจังหวัดสุพรรณบุรี เพชรบุรี อยุธยา อุทัยธานีและชัยนาท รวบรวมผลผลิตข้าวกข 43 ในฤดูนาปรังที่ผ่านมาจำนวน 941 ตัน เพื่อเตรียมส่งมอบตามข้อตกลงซื้อขายในล็อตแรก มูลค่า 11.763 ล้านบาท  

       “ตลาดหลัก ๆที่สหกรณ์จะส่งจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ตกลงจะซื้อข้าวเปลือกกข 43 เพื่อนำไปแปรรูป เช่นบริษัทข้าวอิ่มทิพย์จำกัดบริษัท ไทยฮาจำกัด(มหาชน) บริษัท เมดิฟูดส์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ผกากาญจน์ จำกัด บริษัท ตราสามใบเถา จำกัด โรงสีปอรุ่งเรืองธัญญา โดยกำหนดส่งมอบตั้งแต่กลางเดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไปในราคาตันละ 12,500บาท ณความชื้นที่15%ซึ่งเกษตรกรมีความพึงพอใจกับราคานี้มากเพราะเมื่อเทียบกับผลผลิตต่อไร่ของข้าวชนิดอื่นแล้ว ปรากฏว่าข้าวกข 43 ขายได้กำไรที่ดีกว่าและคาดว่าข้าวเปลือกกข 43 ล็อตแรกของสหกรณ์ที่ผลิตออกมา จะสามารถกระจายออกสู่ตลาดได้ทั้งหมด”นายพิเชษฐ์กล่าว

     แม้ว่าตลาดรองรับข้าวกข 43ขณะนี้ยังเป็นตลาดค้าส่งข้าวเปลือกเป็นหลักแต่ก็มีสหกรณ์บางแห่งที่มีโรงสีข้าว เช่นสหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์จำกัดและสหกรณ์การเกษตรทุ่งวัดสิงห์จำกัด ได้แปรรูปข้าวกข 43 เป็นข้าวสาร บรรจุถุงสุญญากาศที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากกรมการข้าวว่าเป็นข้าวกข 43 แท้ที่ผลิตจากสหกรณ์ และวางขายตามตลาดทั่วไปซึ่งกรมฯจะสนับสนุนให้สหกรณ์ขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายที่จะนำไปวางขายภายในห้างโมเดินเทรด ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ตามจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงร้านสหกรณ์ในมหาวิทยาลัยและร้านสหกรณ์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพได้ตรงจุดอีกทั้งยังมีแผนจะประชาสัมพันธ์ข้าวกข 43 ของสหกรณ์ผ่านSocial Mediaด้วยเพื่อจะสนับสนุนข้าวกข 43 ให้ติดตลาด มุ่งเจาะฐานลูกค้ากลุ่มคนที่รักษาสุขภาพ และในอนาคตได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้เป็นข้าวออแกนิคเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น

“ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากห้างบิ๊กซีและบริษัท แอมเวย์ เพื่อเจรจาขอสั่งซื้อซึ่งคาดว่าข้าวกข 43 ของสหกรณ์จะสามารถนำไปวางขายในห้างบิ๊กซีได้เร็ว ๆ นี้ขณะเดียวกันทางกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาช่วยในเรื่องการประชาสัมพันธ์และทำตลาด โดยหาภาคเอกชนที่สนใจสั่งซื้อข้าวกข 43 เข้ามาจับมือเป็นคู่ค้ากับสหกรณ์ด้วย”นายพิเชษฐ์กล่าว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ