ข่าว

'ชูวิทย์' เล็งฟ้องกลับ 'ทนายตั้ม' หมิ่นรับเงินสีเทา ลั่นพร้อมสู้กลับทุกทาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ชูวิทย์" เล็งฟ้องกลับ "ทนายตั้ม" แถลงปมรับเงินสีเทาเข้าข่ายหมิ่นประมาท ฯ แฉมีกระบวนการปิดปาก ลั่นใครฟ้องมา ก็ฟ้องกลับพร้อมสู้ทางกฎหมาย

27 มี.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ตามที่ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์  โดยนายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม  เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ถึงกรณีใบเสนอราคาที่ระบุว่า ค่าแถลงข่าวออกสื่อ บวก 15 %จากยอดเงินที่ได้รับ ว่าการใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เมื่อมีอาชีพทนายก็ต้องใช้กฎหมาย เมื่อมีคนเดือดร้อนเงินเขาถ้าไปคิดเงินเขาตอนแถลงข่าว 3 แสนบาท มันไม่มีโจทก์ไม่มี มันไม่มีโจทก์ไม่มีจำเลย ตัวเองก็ไม่มีหลักฐานนั่นแปลว่าคุณพูดฝ่ายเดียวหรือไม่ ตนไม่คิดว่าทนายความจะคิดเงินค่าแถลงข่าว ดังนั้นสมาคมทนายความหรือสื่อมวลชนควรจะพิจารณา

 

 


 

ชูวิทย์ สวนกลับ ทนายตั้ม ลั่นพร้อมสู้กลับทุกทาง

 

 

นายชูวิทย์ ยังระบุว่า เป็นทนายความต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้หลักฐาน ใช้พยานแต่ปรากฏว่าฝ่ายอีกฝ่ายใช้การแถลงข่าว นั่นไม่ใช่วิถีของทนายความ โดยอย่างยิ่งบอกว่าตัวเองเป็นทนายประชาชน ส่วนเงินบริจาคจำนวน 6 ล้านบาท ที่ทางโรงพยาบาลคืนมา อยากให้ติดตามว่าวันพรุ่งนี้จะเอาไปให้ใคร

 

นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากตนเอง มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมา ก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย  พร้อมสู้ทุกทาง เวลาสู้ก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน ตนขอฝากไปบอกพวกลอบกัดว่าผมพร้อมจะกัดตอบ 

 

ด้าน ทนายอันนตชัย  กล่าวว่ากรณีที่ทนายตั้ม ออกมาแถลงเรื่องการรับเงินสีเทา กับสื่อนั้นเข้าข่ายหมิ่นประมาท  ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางนายชูวิทย์ได้โทรมาขอร้องให้ตนเองทำคดีทนายตั้มได้มาปรึกษาว่าสิ่งที่ทนายตั้มโพสต์นั้นเจ้าข่ายความผิดใดบ้าง จากการพิจารณาเบื้องต้นจะพิจารณา ใน 3 ประเด็น คือ 

 

 

ทนายอนันตชัย ขู่ฟ้องกลับทนายตั้ม กรรมละ 100 ล้าน หากพาดพิงให้ชูวิทย์เสียหาย

 

 

1.พฤติกรรมดังกล่าวจะความผิดฐานหมื่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือมไม่ จะต้องดูที่พฤติกรรม  ตอนนี้ นายชูวิทย์ กำลังเปิดโปงขบวนการ คอรัปชั่น และ ทุนจีนสีเทา แต่กลับถูกออกมาแฉ มองว่ามีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ ทั้งที่ไม่มีประจักษ์พยาน เป็นเพียงแค่พยานที่กล่าวอ้างเท่านั้น  และการที่ทนายตั้ม เอารูปที่ถ่ายแค่ถุงเงินมานั้น เป็นการแบล็คเมล์ แต่กลับไม่มีรูปชูวิทย์รับเงิน ส่วนจำนวนเงินที่บอกว่า 10 ล้านนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนเงินที่แท้จริงเท่าไหร่อาจจะถูกดึงไประหว่างทาง แต่ยืนยันว่ามาถึงชูวิทย์เพียงแค่ 6 ล้าน ซึ่งตอนนั้นชูวิทย์ก็ปฏิเสธไปแล้วแต่ก็ไม่รับคืนจึงเอาไปทำบุญ 

 

2. พฤติกรรมของทนายตั้ม ผิดมรรยาททนายความ มีการแถลงข่าวที่คลาดเคลื่อน ไม่มีหลักฐาน แต่เป็นการยกข้อมูลขึ้นมาลอยๆ ซึ่งนายชูวิทย์ ไปแจ้งร้องสภาทนายความให้ตรวจสอบ

 

3. ทางทนายความ ได้พูดถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (โฆษก บช.ก.)  และ ผู้บริหาร ปปง. ที่ออกมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ ว่าการนำเงินของนายชูวิทย์ไปบริจาคอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งตนมองว่าไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำแบบนั้น ควรจะให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิด ม.157 และ ม.200

 

ทนายอนันตชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากนี้จะไม่ให้นายชูวิทย์ พูดถึงกรณีทนายตั้มกับ สื่อมวลชน เพื่อจะได้ไม่เสียรูปคดี และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขบวนการยุติธรรม หากทนายตั้ม มีการพูดพาดพิง ก็จะฟ้องกรรมละ 100 ล้านบาท พร้อมพูดว่าใช้สติจะมีปัญหา ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ