ชีวิตดีสังคมดี

'วัณโรค'​ คร่าชีวิตปีละ​กว่าหมื่นคน​  ควบคุมเข้มงวดสมุทรสาคร, ตาก​

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ.​ ​ห่วงสถานการณ์  'วัณโรค'​ หลังพบเสียชีวิตมากกว่า​หมื่นรายต่อปี พื้นที่เสี่ยงสมุทรสาคร ตาก​ วงแผนสกัดโรคจากต้นทางแรงงานข้ามชาติ​ แถบประเทศเพื่อนบ้าน

"วัณโรค" ฟังดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ในทางการแพทย์​คือความท้าทาย​จากอุปสรรครอบด้าน​ ทั้งการแพร่เชื้อที่ควบคุมได้ยาก​ เนื่องจากการโยกย้ายถิ่นฐานของ "แรงงานข้ามชาติ" อีกทั้งวินัยทานยาวัณโรคที่หย่อนยาน​ ทำให้เกิดการดื้อยา​ กระทรวงสาธารณสุข​ (สธ.)​ จึงได้วางแผนยุติวัณโรคให้ได้ภายในปี 2578

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) ในฐานะประธานคณะกรรมการ MIU (MOPH Intelligence Unit) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า​ จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจ​ ทำให้แรงงานข้ามชาติ​ โดยเฉพาะประเทศแถบเพื่อนบ้าน โยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย​ กำแพงด้านภาษาและวัฒนธรรม ทำให้ไม่สามารถคัดกรอง​ "วัณโรค" ได้อย่างครอบคลุม

 

 

อีกทั้ง​ อัตราการรักษาสำเร็จต่ำ อัตราการขาดยาสูงกว่าคนไทยหลายเท่า และส่งผลกระทบต่อการดูแลป้องกันวัณโรคในคนไทย​ "วัณโรค" จึงยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย

 

แรงงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร

 

ทุกๆ​ ปีมีผู้เสียชีวิตจาก "วัณโรค" มากกว่า 10,000 ราย​ โดยปี 2564 ไทยสามารถออกจากรายชื่อประเทศที่มีปัญหาวัณโรคดื้อยามากที่สุดในโลกได้สำเร็จ แต่ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อประเทศที่มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่สูงสุด และมีวัณโรคร่วมกับโรคเอดส์สูงสุด

 

 

"เรามีแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อยุติ ​"วัณโรค" ตั้งแต่ปี 2560 มีเป้าหมายยุติวัณโรคให้ได้ภายในปี 2578 ซึ่งตอนนี้บรรลุผลในระดับหนึ่ง อุปสรรคคือ ปัญหาวัณโรคในแรงงานข้ามชาติ ที่ประมาณการว่ามีมากถึง 4.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราป่วยวัณโรคสูงกว่าไทย​"  นพ.รุ่งเรือง​ ระบุ

 

เรือประมงในจังหวัดสมุทรสาคร

 

นพ.รุ่งเรือง อธิบายต่อว่า​ ทีมวิจัยด้านสังคมและสุขภาพ สำนักวิชาการสาธารณสุข ได้ทำโครงการ “วัณโรคไร้รัฐกับแรงงานไร้พรมแดน : มิติสังคมวัฒนธรรมของวัณโรคในบริบทการพัฒนาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศไทย” วิจัยปัญหาและพัฒนาข้อเสนอการควบคุม​ "วัณโรค" ในประชากรแรงงานข้ามชาติ ดำเนินการในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และ จ.สมุทรสาคร

 

 

ได้พบว่า 1.​ อุปสรรคในการคัดกรอง​ "วัณโรค" การรักษาที่ต่อเนื่อง และการป้องกันการแพร่เชื้อ คือ ปัจจัยส่วนบุคคลทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม การขาดความรู้เกี่ยวกับโรค การเคลื่อนย้าย ขาดการดูแลคุณภาพชีวิตและสวัสดิการที่เหมาะสมในการทำงาน ขาดความต่อเนื่องของสิทธิรักษาจากปัญหาสถานะบุคคล

 

 

2.​ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ นายจ้างและนายหน้าจัดหาแรงงาน ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ​ "วัณโรค" จึงขาดการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม ละเลยการปฏิบัติตามกระบวนการคัดกรองและรักษาวัณโรคตามแนวทางที่กำหนด และขาดความใส่ใจดูแลแรงงานที่มีความเสี่ยงหรือป่วยเป็นวัณโรค

 

 

และ 3.​ การได้รับยารักษาวัณโรคจากระบบบริการสาธารณสุขของไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีการติดตามต่อเนื่องโดยภาคประชาสังคม มีส่วนทำให้แรงงานข้ามชาติที่ป่วย "วัณโรค" ให้ความร่วมมือรับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนหายขาด

 

 

นพ.รุ่งเรือง​ กล่าวสุดท้ายว่า​ ภาครัฐ เอกชน​ และประชาสังคม ต้องช่วยกันพัฒนาระบบการดูแลและป้องกันวัณโรคที่ครอบคลุม​การคัดกรองและดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง ต้องร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ และกองทุนโลก เพิ่มความครอบคลุมการคัดกรองโรคและให้ยารักษา "วัณโรค" ​ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

 

 

และควรร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรระหว่างประเทศ พัฒนาแนวทางการสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านการควบคุมวัณโรคใน​ "แรงงานข้ามชาติ" ซึ่งเป็นประเด็นด้านความมั่นคงทางสุขภาพและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ