ญาติ 'สารวัตรกานต์' คาใจเหตุวิสามัญ ส่งทนายยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

จากกรณีที่ตำรวจชุดอรินทราช เข้าควบคุมเหตุ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ 'สารวัตรกานต์' เกิดอาการเครียด ยิงปืนหลายนัดภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ในเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร โดยตำรวจคุมสถานการณ์นานกว่า 27 ชั่วโมง จึงมีการเข้าจู่โจมเข้าควบคุมตัว 'สารวัตรกานต์' จากนั้นมีการตอบโต้เจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกัน เป็นเหตุให้สารวัตรกานต์เสียชีวิต ขณะปีนออกทางหน้าต่าง

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (20 มีนาคม 2566) พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ได้เข้าประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีและร่วมประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี 'สารวัตรกานต์' พร้อมหัวหน้าชุดปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการพิเศษ หรืออรินทราช ที่เข้าควบคุมตัวสารวัตรกานต์ หลังจากก่อนหน้านี้ สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งแพทย์ ประชาชนและผู้บังคับบัญชาไปแล้ว 19 ปาก

พล.ต.ต.สมควร เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า คดีนี้ต้องใช้เวลาในการทำสำนวน เนื่องจากต้องรวบรวมพยานหลักฐานและพนักงานสอบสวน ต้องทำไทม์ไลน์ข้อมูลเหตุการณ์อย่างละเอียด ซึ่งตำรวจจะต้องเชิญอัยการ มาร่วมสอบปากคำด้วย เพราะว่าเป็นคดีวิสามัญ 

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน จะเรียกหัวหน้าตำรวจ ชุดปฎิบัติการพิเศษอรินทราช ที่เข้าจู่โจมวันเกิดเหตุ และหัวหน้าชุดปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ปากคำเพิ่มเติม ที่ สน. สายไหม เพิ่มเติมประกอบสำนวนคดีด้วย

 

ด้านนายอนุชิต ธาตุเสียว ทนายความของครอบครัว 'สารวัตรกานต์' เดินทางยื่นหนังสือที่ สน.สายไหม เนื่องจากยังติดใจถึงเหตุผลในการวิสามัญ 'สารวัตรกานต์' จนทำให้ถึงแก่ความตาย โดยกล่าวว่า ขณะนี้ยังครอบครัวเสียใจ ที่ชุดอรินทราชจู่โจม โดยที่ไม่รอให้ญาติเดินทางมาถึงก่อน ทั้งที่มีการแจ้งแล้วว่า ให้รอก่อนญาติจองตั๋วเครื่องบินแล้ว กำลังเดินทางมาจากเชียงใหม่ ซึ่งมองว่าการปฎิบัติหน้าที่เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ และยังมีอีกหลายส่วน เช่น เรื่องการปะทะวันเกิดเหตุ ที่พบร่องรอยกระสุนจำนวนมากภายในบ้าน รวมถึงมีข้อสงสัยว่า พบร่องรอยกระสุนบริเวณด้านหลังบ้าน จุดที่ สารวัตรกานต์ ปีนลงมา หลังถูกยิง ประมาณ 3 จุด จึงตั้งข้อสงสัยว่าก่อนที่จะควบคุมตัวมีการยิงซ้ำ หรือจงใจยิงซ้ำให้เสียชีวิตหรือไม่ ทำให้ยังญาติติดใจ รวมถึงบริเวณในบ้านที่เกิดเหตุ มีวิถีกระสุนจำนวนมากที่ยิงเข้าไปภายในบ้าน ลักษณะเหมือนสารวัตรกานต์ ถูกไล่ล่าหรือตามยิงมากกว่าการเข้าไปควบคุมตัว ส่วนหลังบ้านจุดที่สารวัตรกานต์ตกลงมาก็พบร่องรอยกระสุนเช่นกัน ซึ่งญาติสงสัยว่า หลังจากตกลงมาแล้วก็น่าจะเข้าควบคุมตัวได้ แต่ทำไมถึงมีวิถีกระสุนอยู่ในบริเวณดังกล่าว

   ทั้งนี้ ทางญาติจึงอยากให้พิสูจน์หลักฐานที่เป็นหน่วยงานอื่นในประเทศไทย หรือหน่วยงานกลาง มาร่วมตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพราะเกรงว่าหากปล่อยสถานที่เกิดเหตุไว้เป็นระยะเวลานานไป จะไม่สามารถทำให้ไปตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมได้ ซึ่งอยากให้สอบประเด็นนี้ กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

และภายหลังทนายความยื่นหนังสือ กับ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเสร็จสิ้น ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยระบุว่า จากที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงอยู่ด้วย ก็ยืนยันว่า จะมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และจะให้ความเป็นธรรมกับญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังอยู่ระหว่างการประชุมหารือกัน ตามขั้นตอน แล้วก็จะต้องมีการเชิญพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่แล้ว 

แต่กรอบระยะเวลาภายใน 3 วันที่ทางครอบครัวขอนั้น อาจจะทำได้ไม่ทัน เพราะเนื่องจากเป็นคดีสำคัญจึงต้องใช้ระยะเวลา 

    ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมญาติถึงไม่เดินทางมาให้เร็วกว่านี้นั้น ทนายความระบุว่า การทำงานอาจจะไม่สามารถมาได้ฉับพลัน เพราะบางคนก็มีธุรกิจส่วนตัวและอยู่ในระหว่างการทำงาน และย้ำว่า ทางญาติขอแล้วว่าอย่าพึ่งดำเนินการใดๆที่จะบุกแต่เข้าไปจับตัวหรือวิสามัญ แต่ขอให้พวกเขาเดินทางมาถึงก่อน แต่ก็มาไม่ทัน

ซึ่งหลังจากนี้ ทนายความจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของ สารวัตรกานต์ ด้วยว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ถูกต้องตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่

    และในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) พี่ชายของสารวัตรกานต์ที่เป็นตำรวจ ก็จะเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อติดตามเรื่องนี้ และร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง