ข่าว

‘เงินบำเหน็จบำนาญ’ ข้าราชการการเมือง หรือ ข้าราชการประจำ ใคร ‘ช้างป่วย’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สส.อาสาเข้ามาทำงาน รับเงินเดือนสูงลิบกว่า 100,000 บาท มีผู้เชี่ยวชาญผู้ชำนาญการ ผู้ติดตาม รวม 8 คน และมีค่าตอบแทนอื่น รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นี่ยังไม่นับ 'เงินบำเหน็จบำนาญ' แล้วใครที่เป็น ช้างป่วย กันแน่

จริงหรือมีข่าวอีกแล้วว่า “พิธา ยืนยัน ถ้าไม่ตัดก็จะขอลดเงินบำนาญข้าราชการ เพราะมันคืองบช้างป่วย ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน” ครั้งอภิปราย ร่างพ.ร.บ งบประมาณ ปี2566 ก็เคยอภิปรายฯ และตั้งคำถามรัฐบาล ประมาณว่า เงินเดือนสวัสดิการบำนาญข้าราชการที่เพิ่มขึ้นทุกปีเป็นเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ประเทศเป็น ช้างป่วย จะแก้อย่างไร? 

 

จนเป็นข่าวครึกโครม สะท้าน“หัวใจข้าราชการบำนาญ”ไปแล้วในช่วงนั้น จนต้องออกปฏิเสธข่าวนี้ เป็นพัลวันว่า ไม่มีและไม่เคยมีนโยบายลดเงินเดือนหรือบำนาญข้าราชการแต่อย่างใด แต่แล้วครั้งนี้ออกมาในทำนองเดียวกันอีก พร้อมชี้แจงเป็นข่าวปลอม บิดเบือน อืม!.นะ จริงหรือไม่? คนพูดรู้ดีที่สุดเพราะเรา “โกหก” ทุกคนได้ แต่ “โกหก” ตัวเองไม่ได้หรอก นอกจาก “สมองป่วย” เพราะจำสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้

 

ทบทวนอีกครั้ง ข้าราชการประจำ เริ่มทำงานด้วยเงินเดือนน้อยนิด เมื่อเทียบกับเอกชนและหากเทียบกับ สส.ในคุณวุฒิเท่ากันเงินเดือนเขาไม่ถึงเศษ 1 ใน 10 ของเงินเดือนสส.ในปัจจุบันนี้ แต่เขาก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อประเทศชาติ ตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบเพราะใจที่มุ่งมั่น ต้องการพัฒนาประเทศ ช่วยพี่น้องประชาชน

 

เพราะฉะนั้น ข้าราชการประจำ  จึงเอาบำเหน็จบำนาญเป็น “เครื่องเตือนใจ” ว่าเอาล่ะ “จน” ก็ “จน” ไป แต่เมื่อเกษียณแล้วยังดูแลตัวเองและลูกหลานได้

 

การจะหาเสียงกับใครโดยเฉพาะ วัยรุ่น ก็หาไป แต่รู้หรือไม่ว่า“วัยรุ่น” เหล่านั้นกว่าจะเรียนจบมีงานทำ ส่วนมากก็มาจากเงินบำเหน็จบำนาญที่พ่อแม่ ญาติพี่น้องได้รับจากรัฐบาลมา และกว่าเขาจะได้รับก็ต้องทำงานถึง 25 ปี ถึงจะได้บำนาญ และ 15 ปีถึงจะได้บำเหน็จ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายฯงบช้างป่วยในสภา

แต่นักการเมือง สส.อย่างพวกท่าน ที่อ้างว่ารักชาติ รักประชาชนอยู่ในสภา(อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง)เพียง “2 ปี” ก็ได้บำเหน็จบำนาญแล้ว จริงๆแล้ว เวลาหาเสียงพูดเองว่า “อาสา” มารับใช้ประชาชน ควรได้รับค่าตอบแทนที่พอเหมาะก็พอแล้ว เพราะ “อาสา” เข้ามา 

 

แต่จริงๆเงินเดือนที่ได้รับสูงลิบกว่า 100,000 บาท พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญผู้ชำนาญการ ผู้ติดตาม รวม 8 คน และมีค่าตอบแทนอื่นๆอีกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นี่ยังไม่นับรวม“บำเหน็จบำนาญ”แล้วใครคือ“ช้างป่วย” กันแน่

 

มาดูกันผู้ทรงเกียรติ สส./สว. ทั้งหลายได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างไร

ผู้เคยเป็นสส.หรือสว.ตั้งแต่ 2-3 ปีได้รับบำเหน็จบำนาญร้อยละ 20 ของเงินเดือน 

เคยเป็น 3-7 ปีได้รับร้อยละ 30  ของเงินเดือน 

เคยเป็น 7-11 ปีได้รับร้อยละ 40 ของเงินเดือน 

และจนท้ายสุดเป็น 20 ปีขึ้นไปได้รับร้อยละ 70 ของเงินเดือน 

“ถาม” อีกครั้งใคร“ช้างป่วย” ‘เงินบำเหน็จบำนาญ’ ข้าราชการการเมือง หรือ ข้าราชการประจำ ใคร ‘ช้างป่วย’

 

ท่านผู้ทรงเกียรติเอา“ความจริงครึ่งเดียว”มาเป่าประกาศให้วัยรุ่น และคนทั่วไป ที่ไม่รับรู้ข้อมูลเรื่องเหล่านี้มาพูด และให้เห็นแต่เงินที่เสียไปกับ “ข้าราชการบำนาญ” ไม่เคยพูดถึงเงินที่เสียไปกับ“เงินเดือน สวัสดิการและบำเหน็จบำนาญของสส.” เลยถามเพื่อ“อะไร”

 

เมื่อยกเฉพาะบำเหน็จบำนาญข้าราชการประจำ อ้างเป็นเหตุ ช้างป่วยโดยละเว้นไม่พูดถึง“บำเหน็จบำนาญข้าราชการการเมืองของสส.” น่าจะ “สมองป่วย”มากกว่า

 

เราไม่ได้อิจฉา “นักการเมือง” (บางคน)ที่ทำงานด้วย “น้ำลาย”มีเงินเดือนสูง นั่งเครื่องบินฟรี มีสวัสดิการชั้นยอด และแถมอยู่ในสภาฯเพียง 2 ปีก็มีบำเหน็จบำนาญ เหมือนข้าราชการที่ทำงานถึง 25 ปี กว่าจะมีบำนาญ
 

พวกท่านลองเสนอ “เลิกบำนาญสส.” บ้างนะ เผื่อประหยัดงบประมาณได้ และจะได้ไม่เป็น “งบช้างป่วย” อย่างที่พูดกันในสภาฯ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ