ข่าว

ป้าชักปืนขู่อดีตลุงเขย เกิดพลาด "ลั่นโดนหลานชายดับ" กลัวผิดจุดไฟเผาอำพราง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป้า ทวงค่าเช่าที่นา อดีตสามี เกิดมีปากเสียง ชักปืนขู่ก่อนยื้อแย่ง เกิดพลาดทำ "ปืนลั่นใส่หลานชายดับ" กลัวความผิด จุดไฟเผาศพหลานหวังอำพรางคดี

9 ธ.ค.2565  เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา   ร.ต.อ.วิจิตร หาญชุยชาย รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไชยวาน จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุพบศพถูกเผาอยู่บริเวณกระท่อมท้ายหมู่บ้านวังงามพัฒนา ม.8 ต.คำเลาะ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี  จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรบดินทร์ วงค์รินทอง สว.สส.สภ.ไชยวาน แพทย์เวร รพ.ไชยวาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดอุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี จุดบริการหนองหาน 

 

 

 

 

 

 

กระท่อมนาที่พบศพถูกไฟไหม้

 

 

ที่เกิดเหตุพบศพ นายภูเยี่ยม จันสมรสุข อายุ 45 ปี  สภาพศพถูกไฟเผาไหม้เกือบทั้งตัวเหลือช่วงขา อยู่บนเก้าอี้ไม้ยาวหน้ากระท่อมนา จากการตรวจสอบพบเสื่อ เสื้อผ้า และสายเบลท์รัดของ คาดว่าจะใช้รัดศพก่อนที่จะนำมาเผา 

 

ตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิต มีร่องรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาด บริเวณใบหน้า บริเวณใกล้ศพพบรองเท้าบูท 1 คู่ ตรวจค้นภายในกระท่อมพบมีดยาว ปืนแก๊ป 1 กระบอก  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ส่ง ศพไปผ่าตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด โดยตำรวจนำตัว นายสองเมือง  อายุ 52 ปี และ นางปรียา อายุ 56 ปี ลุงและป้า ของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ

 

 

จนท.พบร่างผู้เสียชีวิตถูกเผาเกือบทั้งตัว

 

 

นายสะไกร ฤทธิจรจาก กำนัน ต.คำเลาะ หมู่ 8  เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่ามีเหตุไฟไหม้ที่กระท่อมนา จึงได้ออกมาตรวจสอบพบว่า มีกองไฟลุกไหม้อยู่หน้ากระท่อมนา จึงจะเข้าไปดับไฟ แล้วพบว่าเป็นร่างของคน จึงใช้น้ำดับ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้เสียชีวิต คือนายภูเยี่ยม  โดยกระท่อมที่เกิดเหตุ  เป็นบริเวณไร่นาของผู้เสียชีวิต ซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ และป้าที่ในหมู่บาน 

 

โดยที่นาใกล้ ๆ กันซึ่งเป็นของป้านายภูเยี่ยม มีนายสองเมือง อดีตลุงเขย มาอยู่อาศัย ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบ ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ สำหรับตัวนายภูเยี่ยม ผู้เสียชีวิต  ปกติ เป็นคนขยันทำมาหากิน  นิสัยดี ปกติจะพักอาศัยในหมู่บ้าน และจะออกมาทำไร่ทำนา 

 

 

 

อาวุธมีดที่พบในกระท่อมที่เกิดเหตุ

 

 

ทั้งนี้หลังจากที่ ตำรวจนำตัว ลุงเขย และ ป้า ของนายภูเยี่ยม ผู้เสียชีวิต มาสอบปากคำ โดยมีการแยกสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง นางปรียา  ยอมเปิดปากให้การว่า ตนกับอดีตสามีทะเลาะกัน จึงเอาปืนขึ้นมาเพื่อข่มขู่ จึงเกิดการแย่งปืนกัน จนปืนเกิดลั่นกระสุนถูกนายภูเยี่ยม หลานชายเสียชีวิต  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปค้นหาปืนของกลาง ซึ่ง นางปรียา ได้นำปืนไปฝังไว้หลังกระท่อมนา ส่วนกระสุนโยนทิ้งในป่ายาง พบว่าเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมกระสุน1นัด

 

 

จนท.คุมป้าผู้เสียชีวิตสอบปากคำ

 

 

นางปรียา บอกอีกว่า ตนกับ นายสองเมือง  เลิกรากันไปได้ 1 ปี แล้ว แต่นายสองเมือง ยังเช่าที่นาของตนปลูกข้าว โดยช่วงเกิดเหตุนั้นตนมาที่กระท่อมที่เกิดเหตุ เพื่อมาทวงข้าว ซึ่งเป็นค่าเช่านากับนายสองเมือง ที่กระท่อมของหลานชาย จากนั้นจึงได้มีปากเสียงถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย จึงได้ชักปืนขึ้นมาขู่ นายสองเมืองได้เข้าแย่งปืน  และปืนลั่นถูก นายภูเยี่ยม ล้มลง ส่วนนายสองเมืองวิ่งหนีไป

 

 

อดีตลุงเขยผู้เสียชีวิต ถูกคุมแยกสอบปากคำ

 

 

ตนกลัวความผิดจึงได้นำเสื่อ เสื้อผ้ามาห่อศพหลานแล้วจุดไฟเผา จากนั้นได้นำปืนไปขุดหลุมฝังไว้ด้านหลังกระท่อม และไปแจ้งกำนันว่าไฟไหม้ ส่วนอาวุธปืนซื้อมาในราคา 500 บาท  ไว้ใช้เพื่อป้องกันตัว เพราะถูกนายสองเมือง ทำร้ายร่างกายจนต้องได้เลิกกันได้เป็นเวลา 1 ปีแล้ว แต่ก็ยังให้เช่าที่นาทำกิน แล้วตนก็จะมาแบ่งเอาข้าวเพื่อเป็นค่าเช่านา แต่ นายสองเมืองไม่ยอมให้จึงทะเลาะและตนถูกทำร้ายร่างกายจึงได้เกิดเหตุการณ์ปืนลั่นขึ้นดังกล่าว

 

 

ป้าผู้เสียชีวิต ให้ปากคำกับตำรวจอ้างปืนลั่นใส่หลานเสียชีวิต

 

 

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสองเมือง อดีตสามี อ้างว่าตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วน นางปรียา  ยังให้การภาคเสธ เนื่องจากอ้างว่ามีการแย่งปืนกันแล้วปืนลั่น โดยแจ้งข้อหา กับ นางปรียา “ฆ่าผู้อื่นตาย และเผาอำพรางศพ และครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย พกพาอาวุธปืนไปในบ้านหมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ซึ่งได้ตรวจสอบเขม่าดินปืน เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขึ้นของกฎหมายต่อไป

 

 

อาวุธปืนของป้าผู้เสียชีวิต ถูกฝังดินหลังเกิดเหตุ

 

 

 

 เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ จ.อุดรธานี 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ