ข่าว

"ศาล" ยกฟ้อง น้องมายด์ ภัสราวลี กับพวก 6 คน จัดม็อบแฮร์รี่ พ็อตเตอร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศาลเเขวงดุสิต" ยกฟ้อง น้องมายด์ ภัสราวลี กับพวก6คนจัดม็อบแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ อนุสาวรีย์ปี63 ขับไล่อํานาจมืด จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

"ศาลแขวงดุสิต" ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีการชุมนุม #เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ 
ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส. ชลธิชา แจ้งเร็ว
, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายณรงค์ ดวงแก้ว, นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูรณ์ผล และ นายชาติชาย แกดำ จำเลยทั้ง6 ในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต


โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อ วันที่ 3 ส.ค. 2563 จําเลยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นแกนนํากลุ่มเครือข่ายต่างๆ และเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ หรือเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบให้มีกิจกรรมการรวมกลุ่มชุมนุมสาธารณะ ร่วมกับ นายอานนท์ นําภา พวกของจําเลย ซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีที่ศาลอาญา(คดี112) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ชุมนุมเพื่อขับไล่จอมวายร้าย และปกป้องประชาธิปไตย ด้วยการร่วมกัน เสกคาถาผู้พิทักษ์ เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตย และขับไล่อํานาจมืด จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการตั้งเวทีปราศรัยอยู่บริเวณทางเท้าฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดําเนินกลาง

พวกจำเลยชักชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัย โดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคําสั่งของ พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร หัวหน้าสถานีตํารวจนครบาลชนะสงคราม เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขว่าการจัดการชุมนุมต้องให้ความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ข้อความหรือป้ายต่างๆ ต้องเป็นข้อความที่ไม่หมิ่นประมาท ดูหมิ่นผู้อื่น และต้องไม่ยุยงปลุกระดม ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 
จําเลยทั้งหกกันพวก ได้ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีพูดร้องเพลงปราศรัยโจมตีรัฐบาลเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เรียกร้องให้ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งมีประชาชนสนใจเข้าร่วมชุมนุมและรับฟังปราศรัยจํานวนมาก ประมาณ 200-300 คน ยืนกันหนาแน่นแออัด ไม่เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร ผู้ใช้ทางเท้าได้รับความเดือดร้อน ไม่สะดวกในการสัญจรผ่านตามปกติ 

ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมมีลักษณะสนใจฟังและคล้อยตามคําพูดของจําเลยทั้ง 6 กับพวก มีการร่วมกันปรบมือ ตะโกนโฮ่ร้อง แสดงความพึงพอใจ ผู้ชุมนุมมีการถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นรัฐบาล สถาบันฯ ให้ได้รับความเสียหาย ยุยงเสียดสีบุคคล ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งจําเลยทั้ง 6 กับพวกไม่จัดให้มีมาตราการป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่ราชการกําหนด จึงเป็นการชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือเงื่อนไขของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ

เหตุเกิดที่บริเวณทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563

โดยในวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกิตติศักดิ์ กองทอง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความในคดีกล่าวว่าคดีนี้อัยการฟ้อง3 ข้อหาประกอบด้วย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลยกฟ้อง2 ข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เเละให้ลงโทษปรับจำเลยทั้ง6 คนละ200 บาทกรณีใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย ศาลให้เหตุผลที่ "ยกฟ้อง" ว่าจำเลยเป็นผู้จัดการชุมนุมจริง ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามมาตรการการชุมนุม มีการเว้นระยะห่างและป้องกันโรคติดต่อ ส่วนที่มีการลงมาพื้นถนนบางส่วนก็เป็นเวลาเพียงนิดเดียวเจ้าหน้าที่มาบอกก็เชื่อฟัง การชุมนุมก็ใช้ระยะเวลาไม่นานในส่วนที่มีป้ายข้อความการชุมนุมโจมตีรัฐบาลและสถาบัน โจทจ์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความผิดอย่างไร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยพิพากษา  "ยกฟ้อง"

logoline