ข่าว

"รศ.ดร.เสรี" ชี้ โนรู อีสานหนักแน่ น้ำชี-มูล ใต้เขื่อนหนักใจ ผันน้ำ ท่าจีน กทม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์" หวั่น พายุ "โนรู" เคลื่อนผ่านไทยเปลี่ยนเป็น "ดีเปรสชัน" ซ้ำเติมภาคอีสาน อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง-เล็กรับมือไม่ไหว เฝ้าระวังแม่น้ำชี แม่น้ำมูล ขณะที่เจ้าพระยา ต้องเร่งผันน้ำ

หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยา พายุ "โนรู" ออกประกาศ เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (25 ก.ย. 2565) "พายุไต้ฝุ่นโนรู" บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะส่งผลกระทบ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมาก บางแห่งกับมีลมแรงในช่วงวันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม 2565

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวคมชัดลึกออนไลน์ว่า จากการคาดการณ์ พายุ "โนรู" เข้าประเทศเวียดนามเช้าวันนี้(28ก.ย.) จะเคลื่อนตัวเข้าประเทศไทย มีกำลังอ่อนลง เปลี่ยนเป็นพายุดีเปรสชัน ช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. นี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ประเทศไทยมีความชื้นอยู่เป็นทุนเดิม ดังนั้นส่งผลให้มีฝนหนักถึงหนักมากในภาคอีสานตอนล่างและภาคอีสานตอนกลาง ซึ่งสิ่งที่หน้ากังวล คือ ระดับน้ำในแม่น้ำชี แม่น้ำมูล ที่ต้องรับมือ เนื่องจากน้ำท่วม และมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็กหลายแห่ง

ส่วนภาคกลาง จะได้รับผลกระทบช่วงภาคกลางตอนบน เช่น เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก บางพื้นที่มีน้ำท่วมอยู่แล้ว และไหลลงมายังแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ 

 

รศ.ดร.เสรี กล่าวต่อว่า พายุลูกนี้ไม่ส่งกระทบทั่วทั้งประเทศไทย โดนช่วงอีสานตอนล่าง ตอนกลาง ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก ส่วนกลางตอนล่าง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดนเพียงหางๆ

 

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม ต้องปรับการระบายน้ำ หนักสุด คือ แม่น้ำชี และแม่น้ำมูล ที่โดนผลกระทบโดยตรง

 

ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องเพิ่มการระบายน้ำจาก 1,900 เป็น2,200 ลูกบาศก์เมตร เพราะจะรับน้ำจากภาคกลางทั้งหมดและอยู่ใต้เขื่อน จากนั้นไหลผ่าน กทม.และปริมณฑล ซึ่งหากจะผันน้ำไปทางซ้าย คือ ท่าจีน หรือทางนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง แต่ก็จะผันไปไม่ได้มาก เพราะปลายน้ำท่าจีนก็ท่วมเช่นกัน

 

นอกจาก "พายุโนรู" แล้ว หลังจากนี้ประเทศไทยยังจะมีพายุ เข้ามาอีก 2 ลูกที่แน่ๆคือ วันที่ 3 -5 ต.ค. ส่วนอีกลูก คาดว่า จะมาในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. เพราะช่วงนี้จะมีหย่อมกดอากาศต่ำจำนวนมาก 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ